พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/179/584 585 586
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
สาวกทั้งหลายของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้วิชชา ๓ บรรลุอิทธิวิธีญาณ และ
ฉลาดในเจโตปริยญาณ หมดอาสวะ ไกลจากกิเลส มีอยู่มาก
ดังนี้ ฯ
[๕๘๔] ลำดับนั้นแล พรหมปาริสัชชะนั้นชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของ ท่านมหาโมคคัล
ลานะแล้ว เข้าไปหาพรหมนั้นถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวคำนี้กะพรหมนั้นว่า ข้าแต่ท่านผู้
นิรทุกข์ พระมหาโมคคัลลานะกล่าวเช่นนี้ว่า
สาวกทั้งหลายของพระพุทธเจ้า ซึ่งได้วิชชา ๓ บรรลุอิทธิวิธีญาณ และ
ฉลาดในเจโตปริยญาณ หมดอาสวะ ไกลจากกิเลส มีอยู่มาก ดังนี้ ฯ
[๕๘๕] พรหมปาริสัชชะได้กล่าวคำนี้แล้ว พรหมมีใจยินดีชื่นชมภาษิต ของพรหม
ปาริสัชชะนั้นแล ฯ
ปมาทสูตรที่ ๖
[๕๘๖] สาวัตถีนิทาน ฯ
ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ประทับพักกลางวัน หลีกเร้นอยู่ ฯ
ครั้งนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหม และสุทธาวาสปัจเจกพรหมเข้าไป ใกล้ที่ประทับของ
พระผู้มีพระภาค ครั้นแล้วได้ยืนพิงบานประตูคนละข้าง ฯ
ลำดับนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหมได้กล่าวกะสุทธาวาสปัจเจกพรหมว่า แน่ะท่านผู้นิรทุกข์
ไม่ใช่กาลอันควรที่จะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคก่อน พระผู้มีพระภาคทรงประทับพักกลางวันหลีกเร้น
อยู่ ก็พรหมโลกโน้นบริบูรณ์และเบิกบาน แล้ว แต่พรหมในพรหมโลกนั้น ย่อมอยู่ด้วยความ
ประมาท แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ มาไปด้วยกัน เราทั้งหลายจักเข้าไปยังพรหมโลกนั้น ครั้นแล้วพึง
ยังพรหมนั้นให้สลดใจ
สุทธาวาสปัจเจกพรหมได้รับคำของสุพรหมปัจเจกพรหมแล้ว ฯ
ครั้งนั้นแล สุพรหมปัจเจกพรหมและสุทธาวาสปัจเจกพรหม ได้หายไป จากเบื้อง
พระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ปรากฏแล้วในพรหมโลกนั้น ปานดังบุรุษมี กำลัง ฯลฯ ฉะนั้น ฯ