พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/184/136

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 184
ปัญญาดังแผ่นดิน มีเมธาดี เสด็จลงจากอากาศทรงปูลาดผ้าสังฆาฏิแล้ว ประทับนั่งโดยบัลลังก์ (ขัดสมาธิ) เราถือเอาแก่นจันทน์หอมไปในสำนัก พระชินเจ้า เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ได้บูชาแด่พระพุทธเจ้าถวาย บังคมพระสัมพุทธเจ้าเชษฐบุรุษของโลก ประเสริฐกว่านระ ยังความ ปราโมทย์ให้เกิดแล้ว บ่ายหน้ากลับไปทางทิศอุดร ในกัลปที่ ๑,๘๐๐ แต่ กัลปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่ รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ใน ๑,๔๐๐ กัลป แต่กัลปนี้ ได้มี พระเจ้าจักรพรรดิ ๓ พระองค์ มีพระนามชื่อว่าโรหินี มีพลมาก คุณวิเศษ เหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้ง ชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระจันทนปูชกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ จันทนปูชกเถราปทาน. จบ ภาณวารที่ ๘. ปุปผฉทนิยเถราปทานที่ ๔ (๑๓๔) ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกไม้เป็นหลังคา
[๑๓๖] (เราเป็น) พราหมณ์มีนามชื่อว่าสุนันทะ ผู้รู้จบมนต์ เป็นผู้เล่าเรียน เป็นผู้ควรขอ ได้บูชายัญชื่อวาชเปยยะ ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคพระ นามว่าปทุมุตระผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้เลิศ เป็นพระฤาษีกอปรด้วยพระกรุณา ทรงเอ็นดูหมู่ชน เสด็จจงกรมอยู่ในอากาศ พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้าผู้ เป็นนายกของโลก เสด็จจงกรมแล้ว ทรงแผ่เมตตาไปในบรรดาสัตว์หา ประมาณมิได้ ไม่มีอุปธิ พราหมณ์ผู้รู้จบมนต์เด็ดดอกไม้ที่ขั้วแล้ว ประชุม ศิษย์ทั้งหมด ให้ศิษย์ช่วยกันโยนดอกไม้ขึ้นไปในอากาศ ในกาลนั้น หลังคาดอกไม้ได้มีตลอดทั่วพระนครไม่หายไป (คงมีอยู่) ตลอด ๗ วัน