พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/185/343 344 345      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            ๒.  มหาสุญญตสูตร  (๑๒๒)
 [๓๔๓]  ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
	สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารนิโครธารามเขตพระนครกบิลพัสดุ์
ในสักกชนบท  ครั้งนั้นแล  พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งสบง  ทรงบาตรจีวรแล้ว  เสด็จเข้าไปบิณฑบาต
ยังพระนครกบิลพัสดุ์ในเวลาเช้า  ครั้นเสด็จกลับจากบิณฑบาตภายหลังเวลาพระกระยาหารแล้ว
 จึงเสด็จเข้าไปยังวิหารของเจ้ากาล  เขมกะ  ศากยะ  เพื่อทรงพักผ่อนในเวลากลางวัน  สมัยนั้นแล
ในวิหารของเจ้ากาลเขมกะ  ศากยะ  มีเสนาสนะที่แต่งตั้งไว้มากด้วยกัน  พระผู้มีพระภาคทอด
พระเนตรเห็นเสนาสนะที่แต่งตั้งไว้มากด้วยกันแล้ว  จึงมีพระดำริดังนี้ว่า  ในวิหารของเจ้ากาลเขมกะ
ศากยะ  เขาแต่งตั้งเสนาสนะไว้มากด้วยกัน  ที่นี่มีภิกษุอยู่มากมายหรือหนอ  ฯ
 [๓๔๔]  สมัยนั้นแล  ท่านพระอานนท์กับภิกษุมากรูป  ทำจีวรกรรมอยู่ในวิหารของเจ้า
ฆฏายะ  ศากยะ  ครั้นในเวลาเย็น  พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่ทรงหลีกเร้นอยู่แล้ว  จึงเสด็จ
เข้าไปยังวิหารของเจ้าฆฏายะ  ศากยะ  แล้วประทับนั่ง  ณ  อาสนะที่เขาแต่งตั้งไว้  พอประทับนั่ง
เรียบร้อยแล้ว  จึงรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า  ดูกรอานนท์  ในวิหารของเจ้ากาลเขมกะ  ศากยะ
 เขาแต่งตั้งเสนาสนะไว้มากด้วยกัน  ที่นั่นมีภิกษุอยู่มากมายหรือ  ฯ
	ท่านพระอานนท์ทูลว่า  มากมาย  พระพุทธเจ้าข้า  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  จีวรกาลสมัย
ของพวกข้าพระองค์กำลังดำเนินอยู่  ฯ
 [๓๔๕]  พ.  ดูกรอานนท์  ภิกษุผู้ชอบคลุกคลีกัน  ยินดีในการคลุกคลีกัน  ประกอบเนืองๆ
ซึ่งความชอบคลุกคลีกัน  ชอบเป็นหมู่  ยินดีในหมู่  บันเทิง  ร่วมหมู่  ย่อมไม่งามเลย  ดูกรอานนท์
ข้อที่ภิกษุผู้ชอบคลุกคลีกัน  ยินดีในการคลุกคลีกัน  ประกอบเนืองๆ  ซึ่งความชอบคลุกคลีกัน
ชอบเป็นหมู่  ยินดีในหมู่  บันเทิงร่วมหมู่นั้นหนอ  จักเป็นผู้ได้สุขเกิดแต่เนกขัมมะ  สุขเกิดแต่
ความสงัด  สุขเกิดแต่ความเข้าไปสงบ  สุขเกิดแต่ความตรัสรู้  ตามความปรารถนาโดยไม่ยากไม่
ลำบาก  นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้  ส่วนข้อที่ภิกษุเป็นผู้ผู้เดียว  หลีกออกจากหมู่อยู่  พึงหวังเป็นผู้ได้