พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/185/137

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 185
ด้วยพุทธานุภาพ ด้วยกุศลมูลนั้น พราหมณ์ผู้รู้จบมนต์ได้เสวยสมบัติแล้ว กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง ข้ามโลก ๓ และตัณหาได้แล้ว ในกัลปที่ ๑๑๐๐ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์ ๓๔ พระองค์ มีพระนาม เหมือนกันว่าอัมพรังสะ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระปุปผฉทนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ ปุปผฉทนิยเถราปทาน. รโหสัญญิกเถราปทานที่ ๕ (๑๓๕) ว่าด้วยผลแห่งการสัญญาในการเลื่อมใส
[๑๓๗] ภูเขาชื่อวสภะ มีอยู่ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ที่เชิงเขาวสภะนั้น มีอาศรม ที่เราสร้างไว้ในกาลนั้น เราเป็นพราหมณ์บอกมนต์กะศิษย์ประมาณ ๓๐๐๐ เราสั่งสอนศิษย์เหล่านั้นแล้วเข้าอยู่ (ในที่สงัด) ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง พราหมณ์ผู้รู้จบมนต์ นั่งอยู่ ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว แสวงหาเพศ พระพุทธเจ้ายังจิตให้เลื่อมใสในพระญาณ ครั้นเรายังจิตให้เลื่อมใสในพระ ญาณแล้ว นั่งคู่บัลลังก์อยู่บนเครื่องลาดหญ้า กระทำการกิริยา ณ ที่นั้น ในกัลปที่ ๓๑ แต่กัลปนี้ เราได้สัญญาใดในกาลนั้น ด้วยสัญญานั้น เรา ไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งสัญญาในพระญาณ ในกัลปที่ ๒๗ แต่กัลป นี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิราชทรงพระนามว่าสิรีธร ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระรโหสัญญิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ รโหสัญญิกเถราปทาน.