พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/186/346 347      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
            สุขเกิดแต่เนกขัมมะ  สุขเกิดแต่ความสงัด  สุขเกิดแต่ความเข้าไปสงบ  สุขเกิดแต่ความตรัสรู้
ตามความปรารถนา  โดยไม่ยาก  ไม่ลำบาก  นั่นเป็นฐานะที่มีได้  ฯ
	ดูกรอานนท์  ข้อที่ภิกษุผู้ชอบคลุกคลีกัน  ยินดีในการคลุกคลีกันประกอบเนืองๆ  ซึ่ง
ความชอบคลุกคลีกัน  ชอบเป็นหมู่  ยินดีในหมู่  บันเทิงร่วม  หมู่นั้นหนอ  จักบรรลุเจโตวิมุติ
อันปรารถนาเพียงชั่วสมัย  หรือเจโตวิมุติอันไม่กำเริบมิใช่เป็นไปชั่วสมัยอยู่  นั่นไม่ใช่ฐานะที่มีได้
ส่วนข้อที่ภิกษุเป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกจากหมู่อยู่  พึงหวังบรรลุเจโตวิมุติอันน่าปรารถนาเพียงชั่วสมัย
หรือเจโต  วิมุติอันไม่กำเริบมิใช่เป็นไปชั่วสมัยอยู่  นั่นเป็นฐานะที่มีได้  ฯ
	ดูกรอานนท์  เราย่อมไม่พิจารณาเห็นแม้รูปอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่ไม่เกิดโสกะ  ปริเทวะ  ทุกข์
โทมนัส  อุปายาส  เพราะความแปรปรวนและความเป็น  อย่างอื่นของรูป  ตามที่เขากำหนัดกัน
อย่างยิ่งซึ่งบุคคลกำหนัดแล้ว  ฯ
 [๓๔๖]  ดูกรอานนท์  ก็วิหารธรรมอันตถาคตตรัสรู้ในที่นั้นๆ  นี้แล  คือตถาคตบรรลุ
สุญญตสมาบัติภายใน  เพราะไม่ใส่ใจนิมิตทั้งปวงอยู่  ดูกรอานนท์ถ้าภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก
 อุบาสิกา  พระราชา  มหาอำมาตย์ของพระราชา  เดียรถีย์  สาวกของเดียรถีย์เข้าไปหาตถาคตผู้มีโชค
อยู่ด้วยวิหารธรรมนี้ในที่นั้นๆ  ตถาคตย่อมมีจิตน้อมไปในวิเวก  โน้มไปในวิเวก  โอนไปในวิเวก
หลีกออกแล้วยินดียิ่งแล้วในเนกขัมมะ  มีภายในปราศจากธรรมเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะโดยประการ
ทั้งปวง  จะเป็นผู้ทำการเจรจาแต่ที่ชักชวนให้ออกเท่านั้น  ในบริษัทนั้นๆ  โดยแท้ดูกรอานนท์
 เพราะฉะนั้นแล  ภิกษุถ้าแม้หวังว่า  จะบรรลุสุญญตสมาบัติภายในอยู่เธอพึงดำรงจิตภายใน
ให้จิตภายในสงบ  ทำจิตภายในให้เป็นธรรมเอกผุดขึ้นตั้งจิตภายในให้มั่นเถิด  ฯ
 [๓๔๗]  ดูกรอานนท์  ก็ภิกษุจะดำรงจิตภายใน  ให้จิตภายในสงบ  ทำ จิตภายในให้เป็น
ธรรมเอกผุดขึ้น  ตั้งจิตภายในมั่นได้อย่างไร  ดูกรอานนท์  ภิกษุในธรรมวินัยนี้
	(๑)  สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม  เข้าปฐมฌานมีวิตก  มีวิจาร  มีปีติและสุข
เกิดแต่วิเวกอยู่  ฯ
	(๒)  เข้าทุติยฌาน  มีความผ่องใสแห่งใจภายใน  มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น  เพราะสงบ
วิตกและวิจาร  ไม่มีวิตก  ไม่มีวิจาร  มีปีติและสุขเกิดแต่  สมาธิอยู่  ฯ
	(๓)  เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ  มีสติสัมปชัญญะอยู่  และเสวยสุขด้วยนามกาย
เข้าตติยฌาน  ที่พระอริยะเรียกเธอได้ว่า  ผู้วางเฉย  มีสติ  อยู่  เป็นสุข  อยู่  ฯ