พระสุตตันตปิฎกไทย: 32/186/138 139

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
เล่ม 32
หน้า 186
จัมปกปุปผิยเถราปทานที่ ๖ (๑๓๖) ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกจำปา
[๑๓๘] เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู ผู้โชติช่วงดังดอกกรรณิการ์ ประทับนั่งอยู่ที่ระหว่างภูเขา ทรงยังทิศทั้งปวงให้สว่างดังดาวประกายพฤกษ์ มีมาณพ ๓ คนเป็นผู้ศึกษาดีในศิลปของตน หาบสิ่งของเต็มหาบไปตั้งข้าง หลังเรา เราผู้มีตบะใส่ดอกจำปา ๗ ดอกไว้ในห่อ ถือดอกจำปาเหล่านั้น บูชา ในพระญาณของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าเวสสภู ในกัลปที่ ๓๑ แต่กัลปนี้ เราบูชาพระพุทธญาณด้วยดอกไม้ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่ รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระญาณ ในกัลปที่ ๒๙ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าวิหตาภา ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประ การ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระจัมปกปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ จัมปกปุปผิยเถราปทาน. อัตถสันทัสสกเถราปทานที่ ๗ (๑๓๗) ว่าด้วยผลแห่งการชมเชยพระพุทธเจ้า ๓ คาถา
[๑๓๙] เรานั่งอยู่ในโรงอันกว้างใหญ่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตระ ผู้เป็นนายกของโลก ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้บรรลุพลธรรมแวดล้อมด้วย ภิกษุสงฆ์ ภิกษุสงฆ์ประมาณ ๑ แสน ผู้บรรลุวิชชา ๓ ได้อภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก แวดล้อมพระสัมพุทธเจ้า ใครเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส ใน มนุษยโลกพร้อมทั้งเทวโลกไม่มีอะไรเปรียบ ในพระญาณของพระสัมพุทธ เจ้าองค์ใด ใครได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีพระญาณไม่สิ้นสุด แล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า ชนทั้งหลายแสดงธรรมกาย และไม่อาจทำ รัตนากรทั้งสิ้นให้กำเริบได้ ใครได้เห็นแล้วจะไม่เลื่อมใสเล่า พราหมณ์