พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/189/218 219

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 189
จงคลายกำหนัดในบาปนั้น เธอทั้งหลายผู้มีจิตคลายกำหนัดจากบาปนั้น แล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ฯ เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ จบสูตรที่ ๒ ๓. วิชชาสูตร
[๒๑๘] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวิชชาเป็น หัวหน้าแห่งอกุศลธรรม อหิริกะ อโนตตัปปะเป็นไปตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนวิชชาแล เป็นหัวหน้าแห่งการถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมหิริและโอตตัปปะเป็นไปตาม ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสคาถา ประพันธ์ดังนี้ว่า ทุคติอย่างใดอย่างหนึ่ง ในโลกนี้และในโลกหน้า ทั้งหมดมีอวิชชาเป็นมูล อันความปรารถนาและความโลภก่อขึ้น ก็เพราะเหตุที่บุคคลเป็นผู้มีความ ปรารถนาลามก ไม่มีหิริ ไม่เอื้อเฟื้อ ฉะนั้นจึงย่อมประสบบาปต้องไป สู่อบายเพราะบาปนั้น เพราะเหตุนั้น ภิกษุสำรอกฉันทะ โลภะ และ อวิชชาได้ ให้วิชชาบังเกิดขึ้นอยู่ พึงละทุคติทั้งปวงเสียได้ ฯ เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ จบสูตรที่ ๓ ๔. ปัญญาสูตร
[๒๑๙] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เสื่อมจากอริยปัญญา ชื่อว่าเสื่อมสุด สัตว์เหล่านั้นย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน มี ความคับแค้น มีความเร่าร้อน ในปัจจุบันทีเดียว เมื่อตายไปแล้วพึงหวังได้ทุคติ ดูกรภิกษุ