พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/190/616 617
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๖๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่าในกาลนั้น พรหม พรหมบริษัท และพรหมปาริสัชชะ
ทั้งหลาย ยกโทษติเตียนโพนทะนาว่า แน่ะท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยมีมาเลย ก็เมื่อ
พระศาสดาประทับอยู่เฉพาะหน้า เหตุไฉน พระสาวกจึงแสดงธรรม ฯ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธพระนามว่าสิขี ตรัส เรียกภิกษุ
อภิภูมาว่า ดูกรพราหมณ์ พรหม พรหมบริษัท และพรหมปาริสัชชะ เหล่านั้นติเตียนว่า แน่ะ
ท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยมีมาเลย ก็เมื่อพระศาสดาประทับอยู่เฉพาะหน้า เหตุไฉน
พระสาวกจึงแสดงธรรม ดูกรพราหมณ์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงให้พรหม พรหมบริษัท และพรหม
ปาริสัชชะทั้งหลายหลากใจ ยิ่งขึ้นกว่าประมาณ ฯ
ภิกษุภิอภูทูลรับพระดำรัส ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธพระนามว่าสิขีแล้ว
มีกายปรากฏแสดงธรรมบ้าง มีกายไม่ปรากฏแสดงธรรมบ้าง มีกาย ปรากฏกึ่งหนึ่งตอนล่าง ไม่
ปรากฏกึ่งหนึ่งตอนบนแสดงธรรมบ้าง มีกายปรากฏ กึ่งหนึ่งตอนบน ไม่ปรากฏ กึ่งหนึ่งตอนล่าง
แสดงธรรมบ้าง ฯ
[๖๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ในกาลนั้น พรหม พรหมบริษัท และพรหม
ปาริสัชชะทั้งหลาย ได้มีจิตพิศวงเกิดแล้วว่า น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคย มีมาเลย ท่านผู้เจริญทั้งหลาย
ความที่สมณะผู้เป็นมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ภิกษุอภิภูได้กราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธพระนามว่าสิขีว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ย่อมทราบ
ข้าพระองค์เป็นผู้กล่าว วาจาเห็นปานนี้ ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เราอยู่ที่
พรหมโลก สามารถยังหมื่นโลกธาตุให้รู้แจ่มแจ้งด้วยเสียงได้ ฯ
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิขีตรัสว่า ดูกร พราหมณ์ เป็นกาล
ของเธอที่เธอยืนอยู่ที่พรหมโลก พึงยังหมื่นโลกธาตุให้รู้แจ่มแจ้งด้วยเสียงได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระอภิภูทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธพระนามว่าสิขีว่า อย่างนั้น
พระเจ้าข้า ดังนี้แล้ว ยืนอยู่ใน พรหมโลก ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า
ท่านทั้งหลายจงริเริ่ม จงก้าวหน้า จงประกอบ (ความเพียร)ในพระ
พุทธศาสนา จงกำจัดเสนาแห่งมัจจุเหมือนช้างกำจัดเรือนไม้อ้อ ฉะนั้น
ผู้ใดจักไม่ประมาทในพระธรรมวินัยนี้อยู่ ผู้นั้นจักละสงสารคือชาติ แล้ว
กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ฯ