พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/196/227
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ชนผู้กล่าวคำไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก ก็หรือชนใดทำบาปกรรมแล้วกล่าว
ว่า ไม่ได้ทำ แม้คนทั้ง ๒ นั้นย่อมเข้าถึงนรกเหมือนกัน ชนทั้ง ๒ พวก
นั้นเป็นมนุษย์ผู้มีกรรมอันเลวทราม ละไปแล้ว ย่อมเป็นผู้เสมอกันใน
โลกหน้าคนเป็นอันมากอันผ้ากาสาวะพันคอ มีธรรมอันลามกไม่
สำรวม คนลามกเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก เพราะกรรมอันลามกทั้งหลาย
ก้อนเหล็กร้อนเปรียบด้วยเปลวไฟ อันผู้ทุศีลบริโภคแล้วยังประเสริฐ
เสียกว่า ผู้ทุศีล ไม่สำรวมพึงบริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น จะ
ประเสริฐอะไร ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๑๑
๑๒. ทิฏฐิสูตร
[๒๒๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น
พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและ
มนุษย์ทั้งหลายอันทิฐิ ๒ อย่างพัวพันแล้ว บางพวกย่อมติดอยู่ บางพวกย่อมแล่นเลยไป ส่วน
พวกที่มีจักษุย่อมเห็น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์บางพวกย่อมติดอยู่อย่างไรเล่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายมีภพเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในภพเพลิดเพลินด้วยดีในภพ เมื่อ
พระตถาคตแสดงธรรมเพื่อความดับภพ จิตของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้นย่อมไม่แล่นไป ย่อม
ไม่เลื่อมใส ย่อมไม่ดำรงอยู่ด้วยดี ย่อมไม่น้อมไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์บาง
พวกย่อมติดอยู่อย่างนี้ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์บางพวกย่อมแล่นเลยไปอย่างไรเล่าก็เทวดาและ
มนุษย์บางพวกอึดอัด ระอา เกลียดชังอยู่ด้วยภพนั่นแล ย่อมเพลิดเพลินความขาดสูญว่า แน่ะ
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า เมื่อใด ตนนี้เมื่อตายไป ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เบื้องหน้า
แต่ตายย่อมไม่เกิดอีก นี้ละเอียดนี้ประณีต นี้ถ่องแท้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์บาง
พวกย่อมแล่นเลยไปอย่างนี้แล ฯ