พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/200/133
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ทั้งหลายกล่าวอุโบสถ ๘ ประการนี้แล ที่พระพุทธเจ้าผู้ถึง
ที่สุดแห่งทุกข์ทรงประกาศแล้ว พระจันทร์และพระอาทิตย์
ทั้งสองส่องแสงสว่างไสว ย่อมโคจรไปตามวีถีเพียงไร
พระจันทร์และพระอาทิตย์นั้นก็ขจัดมืดได้เพียงนั้น ลอยอยู่
บนอากาศ ส่องแสงสว่างทั่วทุกทิศในท้องฟ้า ทรัพย์ใดอัน
มีอยู่ในระหว่างนี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์
อย่างดี หรือทองมีสีสุกใส ที่เรียกกันว่า หตกะ พระจันทร์
พระอาทิตย์และทรัพย์นั้นๆ ก็ยังไม่ได้แม้เสี้ยวที่ ๑๖ แห่ง
อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ เปรียบเหมือนรัศมี
พระจันทร์ ข่มหมู่ดวงดาวทั้งหมด ฉะนั้น เพราะฉะนั้น
แหละ หญิงหรือชายผู้มีศีล เข้าอยู่อุโบสถอันประกอบด้วย
องค์ ๘ ประการแล้ว กระทำบุญทั้งหลายอันมีสุขเป็นกำไร
ไม่มีใครติเตียน ย่อมเข้าถึงสวรรค์ ฯ
จบสูตรที่ ๒
วิสาขสูตร
[๑๓๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บุพพาราม ปราสาทของมิคารมารดา
ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล นางวิสาขามิคารมารดา เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรวิสาขา อุโบสถอัน
ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการบุคคลเข้าอยู่แล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรือง
มาก มีความแพร่หลายมาก ดูกรวิสาขา ก็อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ บุคคลเข้า
อยู่แล้วอย่างไร จึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีความรุ่งเรืองมาก มีความแพร่หลายมาก ดูกร
วิสาขา อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมตระหนักชัดดังนี้ว่าพระอรหันต์ทั้งหลาย ละปาณาติบาต
งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้ วางศาตรามีความละอาย เอื้อเอ็นดู อนุเคราะห์เกื้อกูล
ต่อสรรพสัตว์อยู่ตลอดชีวิต ในวันนี้ แม้เราก็ละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต วางท่อนไม้