พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/203/236 237
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๙. ตัณหาสูตร
[๒๓๖] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น
พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓
ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือกามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ตัณหา ๓ ประการนี้แล ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา
ประพันธ์ดังนี้ว่า
ชนทั้งหลาย ประกอบแล้วด้วยตัณหาเครื่องประกอบสัตว์ไว้มีจิตยินดี
แล้วในภพน้อยและภพใหญ่ ชนเหล่านั้นประกอบแล้วด้วยโยคะ คือ
บ่วงแห่งมาร เป็นผู้ไม่มีความเกษมจากโยคะ สัตว์ทั้งหลายผู้ถึงชาติและ
มรณะ ย่อมไปสู่สงสารส่วนสัตว์เหล่าใดละตัณหาได้ขาด ปราศจาก
ตัณหาในภพน้อยและภพใหญ่ ถึงแล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งอาสวะ สัตว์
เหล่านั้นแล ถึงฝั่งแล้วในโลก ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๙
๑๐. มารเธยยสูตร
[๒๓๗] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น
พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้
ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ก้าวล่วงบ่วงแห่งมารแล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจอาทิตย์ฉะนั้น
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยศีล
ขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ ๑เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยสมาธิขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ ๑ เป็น
ผู้ประกอบแล้วด้วยปัญญาขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบแล้ว
ด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ก้าวล่วงบ่วงแห่งมารแล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจพระอาทิตย์ฉะนั้น ฯ