พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/204/332
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
ภิกษุ ภิกษุครอบงำเสียงเสียงไม่ครอบงำภิกษุ ภิกษุครอบงำกลิ่น กลิ่นไม่ครอบงำภิกษุ ภิกษุ
ครอบงำรสรสไม่ครอบงำภิกษุ ภิกษุครอบงำโผฏฐัพพะ โผฏฐัพพะไม่ครอบงำภิกษุ ภิกษุครอบ
งำธรรมารมณ์ ธรรมารมณ์ไม่ครอบงำภิกษุ ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่า ผู้ครอบงำรูป
เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ อันเป็นบาปเป็นอกุศลเหล่านั้น อันมีความเศร้า
หมอง ให้เกิดในภพใหม่ มีความกระวนกระวาย มีทุกข์เป็นวิบาก เป็นที่ตั้งแห่งชาติ ชรา
และมรณะต่อไป ดูกรอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีใจไม่ชุ่มแล้วด้วยกามอย่างนี้ ครั้งนั้น พระ
ผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นแล้ว ตรัสเรียกท่านพระมหาโมคคัลลานะมาว่า ดีละ ดีละ โมคคัลลานะ
ดูกรโมคคัลลานะ เธอได้ภาษิตอวัสสุตปริยายและอนวัสสุตปริยายแก่ภิกษุทั้งหลาย ดีแล้วๆ
ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้กล่าวไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว พระศาสดาได้ทรงพอพระทัย
ภิกษุเหล่านั้นมีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของท่านพระมหาโมคคัลลานะ ฉะนั้นแล ฯ
จบสูตรที่ ๖
ทุกขธรรมสูตร
[๓๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลใด ภิกษุย่อมรู้ทั่วถึงเหตุเกิดและความดับสูญ แห่ง
ทุกขธรรมทั้งปวง ตามความเป็นจริง ก็ในกาลนั้นแล ภิกษุนั้นเป็นผู้เห็นกาม เมื่อเธอเห็นกาม
แล้ว ความพอใจ ความเสน่หา ความหมกมุ่นความเร่าร้อนเพราะกามในกามทั้งหลาย ไม่
นอนเนื่องอยู่ด้วยอาการใด ก็ธรรมเป็นเครื่องประพฤติ และธรรมเป็นเครื่องอยู่ เป็นอันติด
ตามเธออยู่ด้วยอาการนั้นอกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัส ไม่ครอบงำ ภิกษุผู้
ประพฤติอยู่ด้วยอาการใด ธรรมเป็นเครื่องประพฤติและธรรมเป็นเครื่องอยู่ เป็นอันติดตามเธอ
อยู่ด้วยอาการนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุย่อมรู้ทั่วถึงเหตุเกิดขึ้นและความดับสูญแห่งทุกข
ธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริงอย่างไร ภิกษุย่อมรู้ทั่วถึงเหตุเกิดขึ้นและความดับสูญแห่งทุกข
ธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า รูปดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปดังนี้ ความดับสูญแห่งรูป
ดังนี้ เวทนาดังนี้... สัญญาดังนี้ สังขารทั้งหลายดังนี้... วิญญาณดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่ง
วิญญาณดังนี้ ความดับสูญแห่งวิญญาณดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมรู้ทั่วถึงเหตุเกิดขึ้น
และความดับสูญแห่งทุกขธรรมทั้งปวง ตามความเป็นจริง อย่างนี้แล ฯ