พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/204/119
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ไม่ถือมั่นแล้ว ยินดีในนิพพานเป็นที่สละความถือมั่น
บัณฑิตเหล่านั้น สิ้นอาสวะ มีความรุ่งเรือง ดับสนิท
แล้วในโลก ฯ
จบสูตรที่ ๖
ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๑
[๑๑๙] ก็โดยสมัยนั้นแล พราหมณ์ชื่อว่าชาณุสโสณีสนานเกล้าในวันอุโบสถ นุ่งห่ม
ผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ถือกำหญ้าคาสดไป ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ในที่ไม่ไกลพระผู้มี
พระภาค พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นชาณุสโสณีพราหมณ์ ผู้สนานเกล้าในวันอุโบสถ
นุ่งห่มผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ถือกำหญ้าคาสดยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ในที่ไม่ไกล ครั้นแล้ว
ได้ตรัสถามชาณุสโสณีพราหมณ์ว่า ดูกรพราหมณ์ เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงสนานเกล้าในวัน
อุโบสถ นุ่งห่มผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ถือกำหญ้าคาสดมายืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง วันนี้เป็น
วันอะไรของสกุลพราหมณ์ ชาณุสโสณีพราหมณ์กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ วันนี้
เป็นวันปลงบาปของสกุลพราหมณ์ ฯ
พ. ดูกรพราหมณ์ ก็พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลายย่อมมีด้วยประการไรเล่า ฯ
ชา. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พราหมณ์ทั้งหลายในโลกนี้ ในวันอุโบสถสนานเกล้า
นุ่งห่มผ้าไหมทั้งคู่อันใหม่ ทาแผ่นดิน ด้วยโคมัยอันสดลาดด้วยหญ้าคาที่เขียวสดแล้ว สำเร็จ
การนอนในระหว่างกองทรายและเรือนไฟพราหมณ์เหล่านั้นย่อมลุกขึ้นประนมอัญชลี นมัสการ
ไฟสามครั้งในราตรีนั้นด้วยการกล่าวว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายขอปลงบาปกะท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้า
ทั้งหลายขอปลงบาปกะท่านผู้เจริญ ดังนี้ และย่อมยังไฟให้อิ่มหนำด้วยเนยใส น้ำมันและเนยข้น
อันเพียงพอ และโดยล่วงราตรีนั้นไป ก็เลี้ยงพราหมณ์ทั้งหลายให้อิ่มหนำด้วยททนียโภชนียาหาร
อันประณีต ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลายย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ
พ. ดูกรพราหมณ์ พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลายย่อมมีโดยประการอื่น ส่วนพิธีปลง
บาปในวินัยของพระอริยะย่อมมีโดยประการอย่างอื่น ฯ