พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/206/240
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่าบุรุษ ได้ตรัสจักษุ ๓ อย่างนี้คือ
มังสจักษุ ๑ ทิพยจักษุ ๑ ปัญญาจักษุอันยอดเยี่ยม ๑ความบังเกิดขึ้น
แห่งมังสจักษุเป็นทางแห่งทิพยจักษุ เมื่อใดญาณบังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ
นั้น บุคคลย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเพราะการได้เฉพาะซึ่งปัญญาจักษุ
อันยอดเยี่ยม ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๒
๓. อินทรียสูตร
[๒๔๐] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็น
พระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๓
ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ อนัญญตัญญัสสามิตินทรีย์ ๑ อัญญินทรีย์ ๑ อัญญาตา
วินทรีย์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๓ประการนี้แล ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถา
ประพันธ์ดังนี้ว่า
ปฐมญาณ (อนัญญตัญญัสสามิตินทรีย์) ย่อมเกิดขึ้นในเพราะโสดา
ปัตติมรรค อันเป็นเครื่องทำกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไป แก่พระเสขะผู้ยัง
ต้องศึกษาอยู่ ผู้ปฏิบัติตามทางอันตรงธรรมชาติที่รู้ทั่วถึง (อัญญินทรีย์)
ย่อมเกิดขึ้นในลำดับแต่ปฐมญาณนั้น ปัจจเวกขณญาณ (อัญญาตาวินทรีย์)
ย่อมเกิดขึ้นว่า วิมุตติของเราไม่กำเริบ แก่พระขีณาสพผู้พ้นวิเศษแล้ว
ผู้คงที่ ภายหลังแต่ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึงนั้น เพราะความสิ้นไปแห่งกิเลส
เป็นเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ถ้าว่าบุคคลผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยอินทรีย์
ผู้ระงับแล้ว ยินดีแล้วในสันติบทไซร้ บุคคลนั้นชนะมารพร้อมทั้ง
พาหนะแล้ว ย่อมทรงไว้ซึ่งร่างกายอันมีในที่สุด ฯ
เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วฉะนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๓