พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/208/670

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 208
เท้า ย่อมไม่ไต่ตอมเราเลย ดูกรพราหมณ์ เพราะเหตุนั้น เราจึงเป็น ผู้มีความสุข ดูกรพราหมณ์ ในเวลาใกล้รุ่ง เจ้าหนี้ทั้งหลาย ย่อมไม่ ทวงเราเลยว่า ท่านทั้งหลายจงให้ ท่านทั้งหลายจงให้ ดูกรพราหมณ์ เพราะเหตุนั้น เราจึงเป็นผู้มีความสุข ฯ
[๖๗๐] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์ภารทวาชโคตรได้กราบทูลพระ ผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศพระธรรมโดยปริยายเป็นอันมาก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำเปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปใน ที่มืดด้วยคิดว่า คนมีจักษุย่อมเห็นรูปฉะนั้น ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระสมณโคดมผู้เจริญ พระ ธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักของ พระโคดมผู้เจริญ ฯ พราหมณ์ภารทวาชโคตรได้บรรพชา ได้อุปสมบทแล้วในสำนักของพระผู้มีพระภาค ก็ ท่านพระภารทวาชะอุปสมบทแล้วไม่นาน หลีกไปอยู่ผู้เดียวไม่ประมาท มีความเพียร มีตน ส่งไปอยู่ ไม่นานเท่าไรนัก ก็กระทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษอันยอดเยี่ยมเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบ มีความต้องการ ด้วยปัญญาเครื่อง รู้ยิ่งเองในปัจจุบันนี้เข้าถึงอยู่ ได้ทราบว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แหละท่านพระภารทวาชะได้เป็นพระ อรหันต์รูปหนึ่ง ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล ฯ จบ อรหันตวรรค ที่ ๑ ________ รวมพระสูตรในวรรคนี้ ๑๐ สูตร คือ ธนัญชานีสูตร ๑ อักโกสกสูตร ๑ อสุรินทกสูตร ๑ พิลังคิกสูตร ๑ อหิงสกสูตร ๑ ชฏาสูตร ๑ สุทธิกสูตร ๑ อัคคิกสูตร ๑ สุนทริก สูตร ๑ พหุธิติสูตร ๑ ฯ ________