พระสุตตันตปิฎกไทย: 10/209/259      
      สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
      
     
 
    
        
          
                  ดูกรจอมเทพ อาตมภาพกล่าววจีสมาจารโดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพ ก็มี ที่ไม่ควร
เสพก็มี ก็ที่กล่าวถึงวจีสมาจารดังนี้ กล่าวเพราะอาศัยอะไร ในวจี สมาจารทั้ง ๒ นั้น บุคคล
พึงทราบวจีสมาจารอันใดว่า เมื่อเราเสพวจีสมาจารนี้      อกุศลธรรมเจริญขึ้น กุศลธรรมเสื่อม
วจีสมาจารเห็นปานนี้ ไม่ควรเสพ บุคคล  พึงทราบวจีสมาจารอันใดว่า เมื่อเราเสพวจีสมาจารนี้
อกุศลธรรมเสื่อม กุศลธรรม     เจริญขึ้น วจีสมาจารเห็นปานนี้ ควรเสพ ดูกรจอมเทพ อาตมภาพ
กล่าววจีสมา    จารโดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพก็มี ที่ไม่ควรเสพก็มี ฉะนี้แล ที่กล่าวถึง
 วจีสมาจารดังนี้ กล่าวเพราะอาศัยข้อนี้ ฯ
      ดูกรจอมเทพ อาตมภาพกล่าวการแสวงหาโดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพ ก็มี ที่ไม่
ควรเสพก็มี ก็ที่กล่าวถึงการแสวงหาดังนี้ กล่าวเพราะอาศัยอะไร ใน     การแสวงหาทั้ง ๒ นั้น
บุคคลพึงทราบการแสวงหาอันใดว่า เมื่อเราเสพการแสวง  หานี้ อกุศลธรรมเจริญขึ้น กุศลธรรม
เสื่อม การแสวงหาเห็นปานนี้ ไม่ควรเสพ  บุคคลพึงทราบการแสวงหาอันใดว่า เมื่อเราเสพ
การแสวงหานี้ อกุศลธรรมเสื่อม  กุศลธรรมเจริญขึ้น การแสวงหาเห็นปานนี้ ควรเสพ ดูกร
จอมเทพ อาตมภาพ กล่าวการแสวงหาโดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพก็มี ที่ไม่ควรเสพก็มี
ฉะนี้แล  ที่กล่าวถึงการแสวงหาดังนี้ กล่าวเพราะอาศัยข้อนี้ ฯ
      ภิกษุผู้ปฏิบัติอย่างนี้แล จึงจะชื่อว่าปฏิบัติแล้วเพื่อสำรวมในปาติโมกข์ ฯ
 [๒๕๙] ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ก็ภิกษุปฏิบัติอย่างไร จึงจะชื่อว่าปฏิบัติแล้วเพื่อความ
สำรวมอินทรีย์ ฯ
ดูกรจอมเทพ อาตมภาพกล่าวรูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยนัยน์ตาโดยแยกเป็น ๒  คือ ที่ควร
เสพก็มี ที่ไม่ควรเสพก็มี กล่าวเสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยหู โดยแยก   เป็น  คือ ที่ควรเสพก็มี
ที่ไม่ควรเสพก็มี กล่าวกลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจมูก   โดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพก็มี ที่ไม่ควร
เสพก็มี กล่าวรสที่จะพึงรู้แจ้งด้วยลิ้น       โดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพก็มี ที่ไม่ควรเสพก็มี
กล่าวโผฏฐัพพะที่จะพึงรู้      แจ้งด้วยกาย โดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพก็มี ที่ไม่ควรเสพก็มี
 กล่าวธรรม  ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยใจ โดยแยกเป็น ๒ คือ ที่ควรเสพก็มี ที่ไม่ควรเสพก็มี ฯ
      เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท้าวสักกะจอมเทพ ได้กราบทูล   พระผู้มีพระภาค
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมทราบเนื้อความแห่งภาษิต  ที่ตรัสโดยย่อนี้ ได้โดยพิสดาร