พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/212/345 346
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
[๓๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา ยังไม่เคยได้ฟัง
เสียงพิณ พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา ฟังเสียงพิณแล้วพึงกล่าวอย่างนี้ว่า แน่ะท่าน
ผู้เจริญ นั่นเสียงอะไรหนอ น่าชอบใจ น่าใคร่ น่าบรรเทิง น่าหมกมุ่น น่าพัวพันอย่างนี้
บุรุษนั้นกราบทูลว่า ขอเดชะ เสียงนั้นเป็นเสียงพิณ พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา
พึงกล่าวว่า แน่ะท่านผู้เจริญท่านทั้งหลายจงนำพิณนั้นมาให้แก่เรา ราชบุรุษทั้งหลายพึงนำพิณมา
ถวาย พึงกราบทูลว่า นี่คือพิณนั้น พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชานั้นพึงกล่าวว่าแน่ะท่าน
ผู้เจริญ ฉันไม่ต้องการพิณนั้น ท่านทั้งหลายจงนำเสียงพิณนั้นมาให้แก่เราเถิด ราชบุรุษกราบทูลว่า
ขอเดชะ ขึ้นชื่อว่าพิณนี้มีเครื่องประกอบหลายอย่างมีเครื่องประกอบมาก นายช่างประกอบดีแล้ว
ด้วยเครื่องประกอบหลายอย่าง คือธรรมดาว่าพิณนี้ อาศัยกระพอง อาศัยแท่น อาศัยลูกบิด
อาศัยนม อาศัยสายอาศัยคัน และอาศัยความพยายามของบุรุษซึ่งสมควรแก่พิณนั้น มีเครื่อง
ประกอบหลายอย่าง มีเครื่องประกอบมาก นายช่างประกอบดีแล้วด้วยเครื่องประกอบหลายอย่าง
จึงจะเปล่งเสียงได้ พระราชาหรือมหาอำมาตย์ของพระราชาทรงผ่าพิณนั้น ๑๐ เสี่ยงหรือ ๑๐๐
เสี่ยง แล้วกระทำให้เป็นส่วนน้อยๆ แล้วพึงเผาด้วยไฟแล้วพึงกระทำให้เป็นเขม่า โปรยไปด้วย
ลมแรง หรือพึงลอยไปเสียในแม่น้ำมีกระแสอันเชี่ยว ท้าวเธอตรัสอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญได้ยินว่า
ชื่อว่าพิณนี้เลวทรามสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะเลวทรามกว่าพิณนี้ไม่มี เพราะพิณนี้ คนต้องมัวเมา
ประมาทหลงใหลจนเกินขอบเขต ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุก็ฉันนั้นนั่นแล ย่อมแสวง
หารูปเท่าที่มีคติ เวทนา ... สัญญา ... สังขารทั้งหลาย ... วิญญาณเท่าที่มีคติอยู่ เมื่อเธอแสวงหา
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเท่าที่มีคติอยู่ ความยึดถือโดยคติของภิกษุนั้นว่าเรา หรือว่า
ของเรา หรือว่าเป็นเรา แม้นั้นก็ไม่มีแก่เธอ ฯ
จบสูตรที่ ๙
ฉัปปาณสูตร
[๓๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้มีตัวเป็นแผล มีตัวเป็นพุพอง พึงเข้าไปสู่ป่าหญ้าคา
ถ้าแม้หน่อหญ้าคาพึงตำเท้าของบุรุษนั้น ใบหญ้าคาพึงบาดตัวที่พุพอง บุรุษนั้นพึงเสวยทุกข์โทมนัส