พระสุตตันตปิฎกไทย: 12/219/312
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
๖. ปาสราสิสูตร
อุปมากองบ่วงดักสัตว์
[๓๑๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น เป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งสบงถือบาตรจีวร
เสด็จเข้าไปยังกรุงสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ครั้งนั้นแล ภิกษุหลายรูปเข้าไปหาท่านอานนท์ถึงที่พัก
กล่าวดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ พวกข้าพเจ้าได้สดับธรรมีกถา เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเป็น
เวลานานมาแล้ว ขอให้พวกข้าพเจ้าได้สดับธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเถิด.
พระอานนท์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น ขอพวกท่านจงไปสู่อาศรมของพราหมณ์ชื่อรัมมกะ จึงจะ
ได้สดับธรรมีกถาเฉพาะพักตร์พระผู้มีพระภาค ภิกษุเหล่านั้นได้รับคำท่านพระอานนท์แล้ว,
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปบิณฑบาตที่กรุงสาวัตถี กลับจากบิณฑบาตในเวลา
ปัจฉาภัตแล้ว ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสชวนว่า ดูกรอานนท์ เราจะไปพักผ่อนกลางวันที่
ปราสาทแห่งมิคารมารดา
[นางวิสาขา] ที่บุพพาราม พระอานนท์ได้ทูลรับพระดำรัสแล้ว พระผู้มี
พระภาคกับท่านพระอานนท์ ได้เสด็จไปพักผ่อนกลางวันที่ปราสาทแห่งมิคารมารดาที่บุพพาราม
ครั้นเวลาเย็นเสด็จออกจากที่พักผ่อนแล้ว ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสชวนว่า ดูกรอานนท์
เรามาไปสรงน้ำที่ท่าบุพพโกฏฐกะ พระอานนท์ได้ทูลรับพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคกับท่าน
พระอานนท์ได้เสด็จไปสรงน้ำที่ท่าบุพพโกฏฐกะ สรงเสร็จแล้ว จึงกลับขึ้นมาทรงจีวรผืนเดียว
ประทับยืนผึ่งพระองค์อยู่ ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า พระเจ้าข้า อาศรมของพราหมณ์ชื่อรัมมกะ
อยู่ไม่ไกล เป็นที่รื่นรมย์ น่าเลื่อมใส ขอจงเสด็จไปที่นั้นเพื่อทรงอนุเคราะห์เถิด พระผู้มีพระภาค
ทรงรับโดยดุษณีภาพ แล้วจึงเสด็จไปที่อาศรมของพราหมณ์ชื่อรัมมกะ สมัยนั้น ภิกษุหลายรูป
นั่งสนทนาธรรมีกถากันอยู่ที่นั้น พระผู้มีพระภาคจึงประทับยืนอยู่ที่ซุ้มประตูข้างนอก คอยให้ภิกษุ
เหล่านั้นสนทนากันจบ.