พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/22/88 89 90 91

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 22
เพราะความตระหนี่ และความประมาทอย่างนี้ บุคคลจึงให้ทานไม่ได้ บุคคลผู้หวังบุญ รู้แจ้งอยู่ พึงให้ทานได้ ฯ
[๘๘] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มี พระภาคว่า คนตระหนี่กลัวภัยใดย่อมให้ทานไม่ได้ ภัยนั้นนั่นแลย่อมมีแก่คน ตระหนี่ผู้ไม่ให้ทาน คนตระหนี่ย่อมกลัวความหิวและความกระหายใด ความหิวและความกระหายนั้นย่อมถูกต้องคนตระหนี่นั้นนั่นแลผู้เป็น พาลทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ฉะนั้นบุคคลควรกำจัดความตระหนี่อัน เป็นสนิมในใจ ให้ทานเถิดเพราะบุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ ทั้งหลายในโลกหน้า ฯ
[๘๙] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนัก พระผู้มี พระภาคว่า ชนทั้งหลายเหล่าใด เมื่อของมีน้อยก็แบ่งให้ เหมือนพวกเดินทางไกล ก็แบ่งของให้แก่พวกที่เดินทางร่วมกัน ชนทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อบุคคล ทั้งหลายเหล่าอื่นตายแล้ว ก็ชื่อว่าย่อมไม่ตาย ธรรมนี้เป็นของบัณฑิตแต่ ปางก่อน ชนพวกหนึ่งเมื่อของมีน้อยก็แบ่งให้ ชนพวกหนึ่งมีของมากก็ ไม่ให้ ทักษิณาที่ให้แต่ของน้อย นับเสมอด้วยพัน ฯ
[๙๐] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า ทาน พวกพาลชนเมื่อให้ ให้ได้ยาก กุศลธรรม พวกพาลชนเมื่อทำ ทำได้ยาก พวกอสัตบุรุษย่อมไม่ทำตาม ธรรมของสัตบุรุษ อันพวก อสัตบุรุษดำเนินตามได้แสนยาก เพราะฉะนั้น การไปจากโลกนี้ของพวก สัตบุรุษและของพวกอสัตบุรุษจึงต่างกัน พวกอสัตบุรุษย่อมไปสู่นรก พวก สัตบุรุษย่อมเป็นผู้ดำเนินไปสู่สวรรค์ ฯ ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มี พระภาค คำของใครหนอแลเป็นสุภาษิต ฯ
[๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า คำของพวกท่านทั้งหมดเป็นสุภาษิตโดยปริยาย ก็แต่ พวกท่านจงฟังซึ่งคำของเราบ้าง