พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/221/419
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
มีสมาธิชอบ ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความ
ไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้ว
ประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้ว
ประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภูมิชะ เพราะเขาสามารถ
บรรลุผลได้โดยอุบายแยบคาย ฯ
[๔๑๙] ดูกรภูมิชะ ถ้าอุปมา ๔ ข้อนี้ จะพึงแจ่มแจ้งแก่พระราชกุมารชยเสนะ
พระราชกุมารชยเสนะจะพึงเลื่อมใสเธอ และเลื่อมใสแล้ว จะพึงทำอาการของบุคคลผู้เลื่อมใส
ต่อเธออย่างไม่น่าอัศจรรย์ ฯ
ท่านพระภูมิชะกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อุปมา ๔ ข้อนี้จักให้ข้าพระองค์
แจ่มแจ้งแก่พระราชกุมารชยเสนะได้แต่ที่ไหน เพราะอุปมาน่าอัศจรรย์ ข้าพระองค์ไม่เคย
ได้สดับมาในก่อนเหมือนที่ได้สดับต่อพระผู้มีพระภาค ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระภูมิชะจึงชื่นชมยินดี พระภาษิตของ
พระผู้มีพระภาคแล ฯ
จบ ภูมิชสูตรที่ ๖
__________