พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/221/143
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๘ ประการ สงฆ์พึงสมมติ
ให้เป็นผู้สอนนางภิกษุณี ธรรม ๘ ประการเป็นไฉน ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็น
ผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดี
ท้วยทิฐิ ๑ จำปาติโมกข์ทั้ง ๒ ได้โดยพิสดาร จำแนกแจกแจงวินิจฉัยได้ถูกต้อง ทั้งโดยสูตรและ
โดยพยัญชนะ ๑ เป็นผู้มีวาจางามกล่าวถ้อยคำไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมืองอัน
สละสลวย ไม่มีโทษ ให้รู้ประโยชน์ ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อชี้แจงภิกษุณีสงฆ์ให้เห็นแจ้ง ให้
สมาทานให้อาจหาญร่าเริงด้วยธรรมีกถา ๑ เป็นที่รัก เป็นที่พอใจของภิกษุณีทั้งหลายโดยมาก ๑
ไม่เคยต้องอาบัติหนัก กับนางภิกษุณีผู้บวชอุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ๑
เป็นผู้มีพรรษา ๒๐ หรือเกินกว่า ๑ ดูกรอานนท์ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล สงฆ์
พึงสมมติให้เป็นผู้สอนนางภิกษุณี ฯ
จบสูตรที่ ๒
สังขิตตสูตร
[๑๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้
พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่หม่อมฉัน
ซึ่งหม่อมฉันได้ฟังแล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจ
เด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อ
ความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อ
พรากสัตว์ออก เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส เป็นไปเพื่อความเป็นผู้
มักมาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความ