พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/225/426 427 428 429

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เล่ม 14
หน้า 225

[๔๒๖] ดูกรคฤหบดี มีสมัยที่พวกเทวดาแยกกันจากที่ประชุม เทวดาเหล่านั้นย่อม ปรากฏมีสีกายต่างกันและมีรัศมีต่างกัน ดูกรคฤหบดี เปรียบเหมือนบุรุษนำประทีปน้ำมันมาก ดวงออกจากเรือนหลังนั้น ประทีปน้ำมันเหล่านั้นปรากฏมีเปลวต่างกันและมีแสงสว่างต่างกัน ฉันใด ดูกรคฤหบดี ฉันนั้นเหมือนกันแลมีสมัยที่พวกเทวดาแยกกันจากที่ประชุม เทวดา เหล่านั้นย่อมปรากฏมีสีกายต่างกันและมีรัศมีต่างกัน ฯ
[๔๒๗] ดูกรคฤหบดี เทวดาเหล่านั้นย่อมไม่มีความดำริอย่างนี้เลยว่าสิ่งนี้ของพวก เราเที่ยง หรือยั่งยืน หรือแน่นอน แต่ว่า เทวดาเหล่านั้นย่อมอภิรมย์เฉพาะแดนที่ตนอยู่อาศัย นั้นๆ ดูกรคฤหบดี เปรียบเหมือนแมลงที่เขานำไปด้วยหาบหรือตะกร้า ย่อมไม่มีความดำริ อย่างนี้ว่า หาบหรือตะกร้านี้ของ พวกเราเที่ยง หรือยั่งยืน หรือแน่นอน แต่ว่าแมลงเหล่านั้น ย่อมอภิรมย์เฉพาะแหล่งที่ตนอยู่อาศัยนั้นๆ ฉันใด ดูกรคฤหบดี ฉันนั้นเหมือนกันแล เทวดา เหล่านั้นย่อมไม่มีความดำริอย่างนี้เลยว่า สิ่งนี้ของพวกเราเที่ยง หรือยั่งยืน หรือแน่นอน แต่ว่าเทวดาเหล่านั้นย่อมอภิรมย์เฉพาะแดนที่ตนอยู่อาศัยนั้นๆ ฯ
[๔๒๘] เมื่อท่านพระอนุรุทธกล่าวแล้วอย่างนี้ ท่านพระอภิยะ กัจจานะได้กล่าว กะท่านพระอนุรุทธดังนี้ว่า ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธผู้เจริญ ที่ท่านพยากรณ์ นั้นดีละ แต่ในเรื่อง นี้มีข้อที่กระผมจะพึงสอบถามให้ยิ่งขึ้นไป คือ พวกเทวดาที่มีรัศมีนั้นทั้งหมด เป็นผู้มีรัศมีเล็กน้อย หรือ หรือว่ามีบางพวกในพวกนั้นมีรัศมีหาประมาณมิได้ ฯ อ. ดูกรท่านกัจจานะ โดยหลักแห่งการอุปบัตินั้นแล เทวดาในพวกนี้ บางพวกมีรัศมี เล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้ ฯ อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดา เทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมี เล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมี หาประมาณมิได้ ฯ
[๔๒๙] อ. ดูกรท่านกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เราจะย้อนถามท่านใน เรื่องนี้ ท่านพอใจ อย่างไร พึงพยากรณ์อย่างนั้น ดูกรท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ภิกษุรูปที่ น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้แห่งหนึ่งว่า เป็นแดนมหัคคตะ อยู่ กับภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้สอง แห่งหรือสามแห่งว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปดังนี้ จิตต ภาวนาอย่างไหนเป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน ฯ