พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/226/157 158
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ชา. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พิธีปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลายย่อมมีโดยประการอื่น
ส่วนพิธีปลงบาปในวินัยของพระอริยะ ย่อมมีโดยประการอื่น ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็พิธี
ปลงบาปของพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งพิธีปลงบาปในวินัยของพระอริยะนี้
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ฯลฯ ขอพระโคดมผู้เจริญโปรดทรงจำ
ข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
จบสูตรที่ ๑
ปัจโจโรหณีสูตรที่ ๒
[๑๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงพิธีปลงบาปอันเป็นของพระอริยะแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายก็พิธีปลงบาปอันเป็นของพระอริยะเป็นไฉน
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากของปาณาติบาต เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบันทั้งใน
สัมปรายภพ อริยสาวกนั้นครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมละปาณาติบาต ย่อมปลงบาป
จากปาณาติบาต ... ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า วิบากแห่งมิจฉาทิฐิ เป็นสิ่งที่ชั่วช้าทั้งในปัจจุบันทั้งใน
สัมปรายภพ อริยสาวกนั้นครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้วย่อมละมิจฉาทิฐิ ย่อมปลงบาปจาก
มิจฉาทิฐิ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าพิธีปลงบาปอันเป็นของพระอริยะ ฯ
จบสูตรที่ ๒
สคารวสูตร
[๑๕๘] ครั้งนั้นแล สคารวพราหมณ์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัย
กับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นฝั่งนี้ อะไรเป็น