พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/227/434 435 436
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปดังนี้ จิตตภาวนาของ
ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักรว่าเป็นแดนมหัคคตะ อยู่ นี้เป็น
มหัคคตะยิ่ง ฯ
[๔๓๔] อ. ดูกรท่านกัจจานะ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่
ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักรว่า เป็นแดนมหัคคตะ อยู่ กับภิกษุรูปที่น้อมใจ
แผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่า เป็นแดนมหัคคตะ อยู่ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุ
ทั้งสองรูปดังนี้ จิตตภาวนาอย่างไหน เป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน ฯ
อภิยะ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุทั้งสองรูปดังนี้ จิตตภาวนา
ของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่า เป็นแดน มหัคคตะ อยู่ นี้เป็น
มหัคคตะยิ่ง ฯ
อ. ดูกรท่านกัจจานะ นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้า ถึงหมู่เทวดา
หมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้ ฯ
[๔๓๕] อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธผู้เจริญ ที่ท่านพยากรณ์นั้นดีละ แต่ในเรื่องนี้
มีข้อที่กระผมจะพึงสอบถามให้ยิ่งขึ้นไป คือ พวกเทวดาที่มีรัศมีนั้นทั้งหมด เป็นผู้มีรัศมีเศร้า
หมองหรือ หรือว่ามีบางพวกในพวกนั้นมีรัศมีบริสุทธิ์ ฯ
อ. ดูกรท่านกัจจานะ โดยหลักแห่งการอุปบัตินั้นแล เทวดาในพวกนี้บางพวกมีรัศ
มีเศร้าหมอง แต่บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์ ฯ
อภิยะ. ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดา
เทวดา ที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมี เศร้าหมอง แต่บางพวกมี
รัศมีบริสุทธิ์ ฯ
[๔๓๖] อ. ดูกรท่านกัจจานะ ถ้าอย่างนั้น เราจักเปรียบอุปมาแก่ท่านเพราะวิญญู
บุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมทราบอรรถแห่งภาษิตได้ด้วยอุปมาก็มีดูกรท่านกัจจานะ เปรียบเหมือน
ประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมันทั้งไส้ไม่บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้นย่อมติดไฟอย่างริบหรี่ๆ
เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้ไม่บริสุทธิ์ ฉันใด ดูกรท่านกัจจานะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุบางรูป
ในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างเศร้าหมองอยู่ เธอไม่ระงับความชั่วหยาบ
ทางกายให้ดี ไม่ถอนถีนมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดีเธอย่อมรุ่งเรืองอย่าง