พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/227/146
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
ปัญญาสัมปทา ๑ ดูกรพราหมณ์ก็ศรัทธาสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้เป็นผู้มีศรัทธา ...
นี้เรียกว่าศรัทธาสัมปทา ฯ
ดูกรพราหมณ์ ศีลสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ
งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ดูกรพราหมณ์ นี้เรียกว่า
ศีลสัมปทา ฯ
ดูกรพราหมณ์ ก็จาคสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้ มีจิตปราศจากความตระหนี่
อยู่ครองเรือน มีจาคะอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามือชุ่ม ยินดีในการสละควรแก่การขอ ยินดีในการ
จำแนกทาน ดูกรพราหมณ์ นี้เรียกว่าจาคสัมปทา ฯ
ดูกรพราหมณ์ ก็ปัญญาสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้เป็นผู้มีปัญญา ฯลฯ นี้เรียกว่า
ปัญญาสัมปทา ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข
ในภายหน้าแก่กุลบุตร ฯ
คนหมั่นในการทำงาน ไม่ประมาท จัดการงานเหมาะสม
เลี้ยงชีพพอเหมาะ ตามรักษาทรัพย์ที่หามาได้ มีศรัทธา
ถึงพร้อมด้วยศีล รู้ถ้อยคำ ปราศจากความตระหนี่ ชำระทาง
สัมปรายิกประโยชน์เป็นนิตย์ ธรรม ๘ ประการดังกล่าว
มานี้ ของผู้ครองเรือน ผู้มีศรัทธา อันพระพุทธเจ้าผู้มี
พระนามอันแท้จริง ตรัสว่า นำสุขมาให้ในโลกทั้งสอง คือ
ประโยชน์ในปัจจุบันนี้ และสุขในภายหน้า บุญคือจาคะนี้
ย่อมเจริญแก่คฤหัสถ์ ด้วยประการฉะนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๕
ภยสูตร
[๑๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่า ภัย เป็นชื่อของกาม คำว่า ทุกข์ เป็นชื่อของกาม
คำว่า โรค เป็นชื่อของกาม คำว่า หัวฝี เป็นชื่อของกามคำว่า ลูกศร เป็นชื่อของกาม