พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/227/158

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
เล่ม 24
หน้า 227
ฝั่งโน้น พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพราหมณ์ ปาณาติบาตเป็นฝั่งนี้ เจตนาเครื่องเว้นจาก ปาณาติบาตเป็นฝั่งโน้น อทินนาทานเป็นฝั่งนี้ เจตนาเครื่องเว้นจากอทินนาทานเป็นฝั่งโน้น กาเมสุมิจฉาจารเป็นฝั่งนี้ เจตนาเครื่องเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารเป็นฝั่งโน้นมุสาวาทเป็นฝั่งนี้ เจตนาเครื่องเว้นจากมุสาวาทเป็นฝั่งโน้น ปิสุณาวาจาเป็นฝั่งนี้เจตนาเครื่องเว้นจากปิสุณาวาจา เป็นฝั่งโน้น ผรุสวาจาเป็นฝั่งนี้ เจตนาเครื่องเว้นจากผรุสวาจาเป็นฝั่งโน้น สัมผัปปลาปวาจา เป็นฝั่งนี้ เจตนาเครื่องเว้นจากสัมผัปปลาปวาจาเป็นฝั่งโน้น อภิชฌาเป็นฝั่งนี้ อนภิชฌาเป็น ฝั่งโน้น พยาบาทเป็นฝั่งนี้ อพยาบาทเป็นฝั่งโน้น มิจฉาทิฐิเป็นฝั่งนี้ สัมมาทิฐิเป็นฝั่งโน้น ดูกรพราหมณ์ นี้แลเป็นฝั่งนี้ นี้แลเป็นฝั่งโน้น ฯ ในหมู่มนุษย์ เหล่าชนที่ไปถึงฝั่งโน้นมีประมาณน้อย ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้เลาะไปตามฝั่งทั้งนั้น ส่วนชนเหล่าใด ประพฤติตามธรรม ในธรรมอันพระตถาคตตรัสแล้วโดย ชอบชนเหล่านั้นจักข้ามพ้นวัฏฏะ อันเป็นบ่วงมารที่ข้าม พ้นได้แสนยาก แล้วจักถึงฝั่งโน้น คือ นิพพาน บัณฑิต ละธรรมดำเสียแล้ว พึงยังธรรมขาวให้เจริญ บัณฑิตละ กามทั้งหลายแล้ว เป็นผู้ไม่มีกังวล ออกจากความ อาลัย อาศัยธรรมไม่มีความอาลัย พึงปรารถนาความยินดี ยิ่งในวิเวกที่ยินดีได้แสนยาก บัณฑิตพึงชำระตนให้ผ่อง แผ้ว จากเครื่องเศร้าหมองจิตทั้งหลาย บัณฑิตเหล่าใด อบรมจิตโดยชอบในองค์ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ทั้งหลาย ไม่ถือมั่นแล้ว ยินดีในนิพพานเป็นที่สละความถือมั่น บัณฑิตเหล่านั้นสิ้นอาสวะมีความรุ่งเรือง ดับสนิทแล้ว ในโลก ฯ จบสูตรที่ ๓