พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/230/246 247

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
เล่ม 21
หน้า 230
หรือว่าจักอนุเคราะห์สิกขาอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ที่บริบูรณ์แล้วไว้ ด้วยปัญญาในฐานะนั้นๆ ดังนี้บ้าง สติอันภิกษุตั้งไว้ดีแล้วในภายในทีเดียวว่า เราจักพิจารณาธรรมที่เราไม่ได้พิจารณาแล้วด้วย ปัญญาในฐานะนั้นๆ หรือว่า จักอนุเคราะห์ธรรมที่เรา พิจารณาแล้วได้ด้วยปัญญาในฐานะนั้นๆ ดังนี้ บ้าง สติอันภิกษุตั้งไว้ดีแล้วในภายในทีเดียวว่า เราจักถูกต้องธรรมที่เราไม่ได้ถูกต้องด้วยวิมุตติ หรือว่า จักอนุเคราะห์ธรรมที่เราถูกต้องแล้วด้วยปัญญาในฐานะนั้นๆ ดังนี้บ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์มีสติเป็นอธิปไตยอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่เรากล่าวว่า เราอยู่ ประพฤติพรหมจรรย์ อันมีสิกขาเป็นอานิสงส์ มีปัญญาเป็นยอด มีวิมุตติเป็นแก่น มีสติเป็นอธิปไตย ดังนี้ เราอาศัย ข้อนี้กล่าวแล้ว ฯ
[๒๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไสยา (การนอน) ๔ อย่างนี้ ๔ อย่างเป็นไฉน คือ เปตไสยา (นอนอย่างคนตาย) ๑ กามโภคีไสยา (นอนอย่างคนบริโภคกาม) ๑ สีหไสยา (นอน อย่างราชสีห์) ๑ ตถาคตไสยา (นอนอย่างตถาคต) ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เปตไสยาเป็นไฉน คนตายโดยมากนอนหงายนี้เราเรียกว่าเปตไสยา ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กามโภคีไสยาเป็นไฉน คนบริโภคกามโดยมากนอนตะแคง ข้างซ้าย นี้เราเรียกว่ากามโภคีไสยา ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สีหไสยาเป็นไฉน สีหมฤคราชย่อมสำเร็จการนอนข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเลื่อมเท้า สอดหางเข้าในระหว่างโคนขา มันตื่นขึ้นแล้วยืดกายเบื้องหน้าแล้ว เหลียวดู กายเบื้องหลัง ถ้ามันเห็นความผิดแปลกหรือความละปรกติแห่งกาย มันย่อมเสียใจด้วยเหตุนั้น ถ้ามันไม่เห็นอะไรผิดปรกติ มันย่อม ดีใจด้วยเหตุนั้น นี้เราเรียกว่าสีหไสยา ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ตถาคตไสยาเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน นี้เราเรียกว่าตถาคตไสยา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไสยา(การนอน) ๔ อย่างนี้แล ฯ
[๒๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูปารหบุคคล ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ พระปัจเจกพุทธะ ๑ สาวกของพระตถาคต ๑ พระเจ้า จักรพรรดิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูปารหบุคคล ๔จำพวกนี้แล ฯ