พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/230/269
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
นรชนในขณะใด ความมืดตื้อย่อมมีในขณะนั้น ก็บุคคลใดละโทสะ
ได้ขาด ย่อมไม่ประทุษร้ายในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความประทุษร้าย โทสะ
อันอริยมรรคย่อมละเสียได้จากบุคคลนั้น เปรียบเหมือนผลตาลสุกหลุด
จากขั้วฉะนั้น โมหะให้เกิดความฉิบหาย โมหะทำจิตให้กำเริบ
ชนไม่รู้สึกโมหะนั้นอันเกิดในภายในว่าเป็นภัยคนหลงย่อมไม่รู้จัก
ประโยชน์ ย่อมไม่เห็นธรรม โมหะย่อมครอบงำนรชนในขณะใด
ความมือตื้อย่อมมีในขณะนั้น ก็บุคคลใดละโมหะได้ขาด ย่อมไม่หลงใน
อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง บุคคลนั้นย่อมกำจัดความหลงได้ทั้งหมด
เปรียบเหมือนพระอาทิตย์อุทัยขจัดมืดฉะนั้น ฯ
จบสูตรที่ ๙
๑๐. เทวทัตตสูตร
[๒๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตต์ผู้อันอสัทธรรม ๓ ประการครอบงำย่ำยีจิตแล้ว
เป็นผู้เกิดในอบาย เกิดในนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้อสัทธรรม ๓ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตต์ผู้อันความเป็นผู้มีความปรารถนาลามกครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เป็นผู้เกิด
ในอบาย เกิดในนรกตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้ พระเทวทัตต์ผู้อันความเป็นผู้มีมิตรชั่ว
ครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เป็นผู้เกิดในอบาย เกิดในนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้ ก็เมื่อ
มรรคและผลที่ควรกระทำให้ยิ่งมีอยู่ พระเทวทัตต์ถึงความพินาศเสียในระหว่างเพราะการบรรลุ
คุณวิเศษมีประมาณเล็กน้อย ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตต์ผู้อันอสัทธรรม ๓ ประการนี้แล
ครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เป็นผู้เกิดในอบาย เกิดในนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้ ฯ
ใครๆ ผู้มีความปรารถนาลามก จงอย่าอุบัติในสัตว์โลกเลย คติของ
บุคคลผู้มีความปรารถนาลามกเช่นไร ท่านทั้งหลายจงรู้คติเช่นนั้นด้วย
เหตุแม้นี้ เราได้สดับมาแล้วว่าพระเทวทัตต์โลกรู้กันว่า เป็นบัณฑิต
ยกย่องกันว่า มีตนอันอบรมแล้ว ดุจรุ่งเรืองอยู่ด้วยยศ ดำรงอยู่แล้ว
พระเทวทัตต์นั้นประพฤติตามความประมาท เบียดเบียนพระตถาคต
พระองค์นั้น ถึงอเวจีนรกอันมีประตู ๔ น่าพึงกลัวก็ผู้ใดพึงประทุษ