พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/232/746
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สารีบุตร เราติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจา
ของเธอไม่ได้เลย สารีบุตร เธอเป็นบัณฑิต สารีบุตร เธอเป็นผู้มีปัญญามาก เป็นผู้มีปัญญา
แน่นหนา สารีบุตร เธอเป็นผู้มีปัญญาชวนให้ร่าเริงเป็นผู้มีปัญญาว่องไว เป็นผู้มีปัญญาหลัก
แหลม เป็นผู้มีปัญญาสยายกิเลสได้สารีบุตร โอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าจักรพรรดิ ย่อม
ยังจักรอันพระราชบิดาให้เป็นไปแล้ว ให้เป็นไปตามได้โดยชอบ ฉันใด สารีบุตร เธอก็ฉันนั้น
เหมือนกันย่อมยังธรรมจักรอันยอดเยี่ยม อันเราให้เป็นไปแล้วให้เป็นไปตามได้โดยชอบแท้จริง ฯ
ท่านพระสารีบุตรจึงกราบทูลอีกว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากว่าพระผู้มีพระภาค ไม่ทรง
ติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกาย หรือทางวาจาของข้าพระองค์ไซร้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ก็พระผู้มีพระภาคจะไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจาของภิกษุ ๕๐๐ รูป
เหล่านี้บ้างหรือ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สารีบุตร เราไม่ติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทาง
วาจา ของภิกษุ ๕๐๐ รูปแม้เหล่านี้ สารีบุตร เพราะบรรดาภิกษุ๕๐๐ รูปเหล่านี้ ภิกษุ ๖๐ รูป
เป็นผู้ได้วิชชา ๓ อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อภิญญา ๖อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อุภโตภาควิมุติ ส่วนที่
ยังเหลือเป็นผู้ได้ปัญญาวิมุติ ฯ
ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่งแล้ว ประนม
อัญชลีเฉพาะพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่าข้าแต่พระผู้มีพระภาค
เนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์ ข้าแต่พระสุคตเนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า เนื้อความนั้นจงแจ่มแจ้งกะเธอเถิด วังคีสะ ฯ
[๗๔๖] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะ ได้สรรเสริญพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะพระพักตร์
ด้วยคาถาทั้งหลายอันสมควรว่า
วันนี้เป็นวันอุโบสถที่ ๑๕ ภิกษุ ๕๐๐ รูป มาประชุมกันแล้ว เพื่อความ
บริสุทธิ์ ล้วนเป็นผู้ตัดกิเลส เครื่องประกอบและเครื่องผูกได้แล้ว เป็น
ผู้ไม่มีความคับแค้น เป็นผู้มีภพใหม่สิ้นแล้ว เป็นผู้แสวงหาคุณอัน
ประเสริฐ พระเจ้าจักรพรรดิห้อมล้อมด้วยอำมาตย์เสด็จเลียบพระมหา
อาณาจักรนี้ ซึ่งมีสมุทรสาครป็นขอบเขตโดยรอบ ฉันใด สาวกทั้งหลาย
ผู้บรรลุไตรวิชชา ผู้ละมฤตยุราชเสียได้ ย่อมนั่งห้อมล้อมพระผู้มีพระภาค
ผู้ชำนะสงครามแล้ว เป็นผู้นำพวกอันหาผู้นำอื่นยิ่งกว่าไม่มี ฉันนั้น