พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/233/747 748 749
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระสาวกทั้งหมดเป็นบุตรของพระผู้มีพระภาค ผู้ชั่วช้าไม่มีในสมาคมนี้
ข้าพระองค์ขอถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ผู้หักลูกศร คือตัณหาเสียได้
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ พระอาทิตย์ ดังนี้ ฯ
ปโรสหัสสสูตรที่ ๘
[๗๔๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี กับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่๑,๒๕๐ รูป ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน
อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาอันประกอบด้วยนิพพาน ฯ
ฝ่ายภิกษุเหล่านั้น ได้ทำธรรมนั้นให้สำเร็จประโยชน์ ใส่ใจกำหนดด้วยจิตทั้งปวง
เงี่ยโสตลงฟังธรรม ฯ
[๗๔๘] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะมีความคิดดังนี้ว่า พระผู้มีพระภาคนี้ทรงแนะนำ
ทรงชักชวนภิกษุทั้งหลายให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาอันประกอบด้วยนิพพาน ฝ่าย
ภิกษุเหล่านั้น ก็ทำธรรมนั้นให้สำเร็จประโยชน์ ใส่ใจกำหนดด้วยจิตทั้งปวง เงี่ยโสตลงฟังธรรม
นั้น อย่ากระนั้นเลย เราควรจะสรรเสริญพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะพระพักตร์ ด้วยคาถาทั้งหลาย
อันสมควรเถิด ฯ
ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะลุกขึ้นจากอาสนะ ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่งแล้ว ประนม
อัญชลีเฉพาะพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่าข้าแต่พระผู้มีพระภาค เนื้อ
ความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์ ข้าแต่พระสุคตเนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์ ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า เนื้อความนั่นจงแจ่มแจ้งกะเธอเถิด วังคีสะ ฯ
[๗๔๙] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะได้กราบทูลสรรเสริญพระผู้มีพระภาคในที่เฉพาะ
พระพักตร์ ด้วยคาถาทั้งหลายอันสมควรว่า
ภิกษุมากกว่าพัน ย่อมนั่งห้อมล้อมพระสุคตผู้ทรงแสดงธรรมอันปราศจาก
ธุลีคือพระนิพพาน ธรรมอันหาภัยแต่ไหนมิได้ภิกษุทั้งหลายย่อมฟัง
ธรรมอันปราศจากมลทิน ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว พระ