พระสุตตันตปิฎกไทย: 12/234/329 330
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
๗. จูฬหัตถิปโทปมสูตร
อุปมาด้วยรอยเท้าช้าง
[๓๒๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
เขตพระนครสาวัตถี ก็โดยสมัยนั้นแล ชาณุโสณีพราหมณ์ออกจากพระนครสาวัตถีด้วย
รถใหญ่เทียมด้วยลา มีเครื่องประดับขาวทุกอย่าง ในเวลาเที่ยงวัน ชาณุโสณีพราหมณ์ ได้เห็น
ปีโลติกปริพาชกเดินมาแต่ไกล ครั้นเห็นแล้ว ได้กล่าวกะปีโลติกปริพาชกดังนี้ว่า เออแน่ะ ท่าน
วัจฉายนะผู้เจริญมาจากไหนแต่เที่ยงวันเทียว? ปีโลติกปริพาชกตอบว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ามา
ในที่นี้จากสำนักของพระสมณโคดมนั่นแล ชาณุโสณีพราหมณ์ถามว่า ท่านผู้เจริญ บัณฑิตย่อม
สำคัญความเฉียบแหลมแห่งปัญญา ของพระสมณโคดมเป็นอย่างไร? ปีโลติกปริพาชกตอบว่า
ท่านผู้เจริญ ก็ไฉนข้าพเจ้าจักรู้ความเฉียบแหลมแห่งปัญญาของพระสมณโคดมได้ แม้ผู้ที่จะพึงรู้
ความเฉียบแหลมแห่งปัญญาของพระสมณโคดมได้ต้องเป็นเช่นพระสมณโคดมแน่แท้ทีเดียว ชาณุ
โสณีพราหมณ์กล่าวว่า ท่านวัจฉายนะผู้เจริญ สรรเสริญพระสมณโคดมด้วยการสรรเสริญอย่างยิ่ง
ปิโลติกปริพาชกกล่าวว่า ท่านผู้เจริญข้าพเจ้าจักไม่สรรเสริญพระสมณโคดมอย่างไรเล่า เพราะพระ
สมณโคดมผู้เจริญนั้น ใครๆ ก็สรรเสริญเยินยอแล้วทั้งนั้นเทียว ท่านเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย ชาณุโสณีพราหมณ์ถามว่า ท่านวัจฉายนะผู้เจริญเห็นอำนาจประโยชน์อะไร
เล่า จึงเป็นผู้เลื่อมใสยิ่งในพระสมณโคดมถึงเพียงนี้?
ปีโลติกปริพาชกเห็นร่องรอยทั้ง ๔
[๓๓๐] ปิโลติกปริพาชกตอบว่า ท่านผู้เจริญ ก็ไฉนข้าพเจ้าจึงเป็นผู้เลื่อมใสยิ่งใน
พระสมณโคดมถึงอย่างนี้ ท่านผู้เจริญ เปรียบเหมือน หมอช้างผู้ฉลาด พึงเข้าไปในป่าเป็นที่อยู่
แห่งช้าง พึงเห็นรอยเท้าช้างอันใหญ่ ทั้งยาวโดยส่วนยาว ทั้งกว้างโดยส่วนกว้าง ในป่าช้าง
เขาพึงสันนิษฐานได้ว่า ท่านผู้เจริญ ช้างนี้ ใหญ่จริงหนอ ดังนี้ แม้ฉันใด ข้าพเจ้าก็ฉันเหมือน
กันแล เมื่อใดได้เห็นร่องรอยทั้ง ๔ ในพระสมณโคดมแล้ว เมื่อนั้น ข้าพเจ้าก็สันนิษฐานได้ว่า