พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/234/750
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
สัมพุทธเจ้าผู้อันหมู่ภิกษุห้อมล้อมแล้ว ย่อมงามจริงหนอ ข้าแต่
พระผู้มีพระภาคพระองค์เป็นผู้ทรงนามว่าพญาช้างอันประเสริฐ เป็น
พระฤาษีที่ ๗ แห่งพระฤาษีทั้งหลาย เป็นผู้ดุจมหาเมฆยังฝนให้ตกใน
พระสาวก ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงแกล้วกล้าใหญ่ วังคีสะสาวกของพระองค์
ออกจากที่พักกลางวันด้วยความใคร่เพื่อเฝ้าพระศาสดา ขอถวายบังคม
พระบาท ดังนี้ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า วังคีสะ คาถาเหล่านี้เธอตรึกตรองไว้ก่อนหรือๆ ว่าแจ่ม
แจ้งกะเธอโดยฉับพลัน ฯ
ท่านพระวังคีสะกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คาถาเหล่านี้ ข้าพระองค์มิได้ตรึกตรอง
ไว้ก่อนเลย แต่ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพระองค์โดยทันทีเทียวแล ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า วังคีสะ คาถาทั้งหลายที่เธอไม่ได้ตรึกตรองไว้ในกาลก่อน จงแจ่ม
แจ้งกะเธอยิ่งกว่าประมาณเถิด ฯ
[๗๕๐] ท่านพระวังคีสะ ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคว่า ได้พระเจ้าข้า แล้ว
ได้ทูลสรรเสริญพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาทั้งหลายซึ่งตนไม่ได้ตรึกตรองไว้ในกาลก่อน โดยยิ่งกว่า
ประมาณว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ทรงครอบงำหนทางผิดตั้งร้อยของมาร
เสียได้ ทรงทำลายกิเลสเครื่องตรึงใจเพียงดังตะปูทั้งหลายเสียได้เสด็จ
เที่ยวไป ท่านทั้งหลายจงดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงทำ
การแก้เครื่องผูกเสียได้ ผู้อันกิเลสอาศัยไม่ได้แล้ว ผู้ทรงจำแนกธรรม
เป็นส่วนๆพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดได้ทรงบอกทางมีอย่างต่างๆ
เพื่อเป็นเครื่องข้ามโอฆะ เมื่อหนทางนั้น ซึ่งเป็นทางไม่ตาย อันพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้านั้นตรัสบอกแล้ว พระสาวกทั้งหลายเป็นผู้เห็นธรรมไม่
ง่อนแง่น ตั้งมั่นแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ทรงทำความ
รุ่งเรืองแทงตลอดซึ่งธรรมแล้ว ได้ทรงเห็นธรรมเป็นที่ก้าวล่วงทิฐิทั้งปวง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ครั้นทรงทราบแล้วและทรงกระทำให้
แจ้ง(ธรรมนั้น) แล้ว ได้ทรงแสดงฐานะทั้ง ๑๐ อันเลิศ ความประมาท
อะไร ในธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้วด้วยดีอย่างนี้