พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/236/274 275
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
อันเป็นเครื่องให้ถึงความชำแรกกิเลส สัตว์เหล่านั้นมีปัญญาเป็นเครื่อง
รักษาตนไม่เกียจคร้านทั้งกลางคืนกลางวัน ดับไฟมีไฟคือราคะเป็นต้น
ได้ ย่อมปรินิพพานโดยไม่มีส่วนเหลือ ล่วงทุกข์ได้ไม่มีส่วนเหลือ
บัณฑิตทั้งหลายผู้เห็นอริยสัจผู้ถึงที่สุดแห่งเวทรู้แล้วโดยชอบด้วยปัญญา
เป็นเครื่องรู้ยิ่ง ซึ่งความสิ้นไปแห่งชาติ ย่อมไม่มาสู่ภพใหม่ ฯ
จบสูตรที่ ๔
๕. อุปปริกขยสูตร
[๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อภิกษุพิจารณาอยู่ด้วยประการใดๆวิญญาณของเธอ
ไม่ฟุ้งซ่านแล้ว ไม่ส่ายไปแล้ว ไม่ดำรงอยู่แล้วในภายใน ภิกษุพึงพิจารณาด้วยประการนั้นๆ
เมื่อภิกษุไม่สะดุ้งเพราะไม่ถือมั่น ความสมภพ คือความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ คือ ชาติ ชรา
และมรณะ ย่อมไม่มีต่อไป ฯ
ภิกษุละธรรมเป็นเครื่องข้อง ๗ ประการได้แล้ว ตัดตัณหาเป็นเหตุนำไป
ในภพขาดแล้ว สงสาร คือ ชาติหมดสิ้นแล้ว ภพใหม่ของเธอย่อมไม่มี ฯ
จบสูตรที่ ๕
๖. อุปปัตติสูตร
[๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การเข้าถึงกาม ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉนคือ เหล่า
สัตว์ผู้มีกามอันปรากฏแล้ว ๑ เทวดาผู้ยินดีในกามที่ตนนิรมิตเอง ๑ เทวดาผู้ให้อำนาจเป็นไปใน
กามที่ผู้อื่นนิรมิตให้ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การเข้าถึงกาม๓ อย่างนี้แล ฯ
เหล่าสัตว์ผู้มีกามอันปรากฏแล้ว เทวดาผู้ยินดีในกามที่นิรมิตเอง เทวดา
ผู้ยังอำนาจให้เป็นไป ทั้งมนุษย์และสัตว์ผู้บริโภคกามเหล่าอื่น ซึ่งเป็น
ผู้ฉลาดในการบริโภคกาม ย่อมไม่ก้าวล่วงสงสารอันมีความเป็นอย่างนี้
และมีความเป็นอย่างอื่นไปได้บัณฑิตพึงสละกามทั้งที่เป็นของทิพย์ทั้งที่