พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/237/261 262 263
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
ด้วยทรวดทรงอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้
ควรของคำนับ ฯลฯเป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งไปกว่า ฯ
[๒๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน คือ กำลังคือ
ความเพียร ๑ กำลังคือสติ ๑ กำลังคือสมาธิ ๑ กำลังคือปัญญา ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔
ประการนี้แล ฯ
[๒๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๔ ประการไม่ควรเสพเสนาสนะ
สงัดอันตั้งอยู่ในราวป่า ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้มีปัญญาทราม เพราะกามวิตก
พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก และเป็นผู้โง่เขลาบ้าน้ำลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล
ไม่ควรเสพเสนาสนะ สงัดอันตั้งอยู่ในราวป่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ
ควรเสพเสนาสนะสงัดอันตั้งอยู่ในราวป่า ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้มีปัญญา เพราะ
เนกขัมมวิตก อพยาบาทวิตก อวิหิงสาวิตก และเป็นผู้ไม่โง่เขลาไม่บ้าน้ำลาย ภิกษุผู้ประกอบ
ด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ควรเสพเสนาสนะสงัดอันตั้งอยู่ในราวป่า ฯ
[๒๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลผู้ไม่ฉลาด เป็นอสัปบุรุษ ประกอบด้วยธรรม ๔
ประการ ย่อมบริหารตนให้ถูกขจัด ถูกทำลาย เป็นผู้ประกอบด้วยโทษ วิญญูชนติเตียน และย่อม
ประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก ธรรม๔ ประการเป็นไฉน คือ กายกรรมอันมีโทษ ๑ วจีกรรม
อันมีโทษ ๑มโนกรรมอันมีโทษ ๑ ทิฐิอันมีโทษ ๑ คนพาลผู้ไม่ฉลาด เป็นอสัปบุรุษ ประกอบ
ด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมบริหารตนให้ถูกขจัด ถูกทำลายเป็นผู้ประกอบด้วยโทษ วิญญูชน
ติเตียน และย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัณฑิตผู้ฉลาด เป็นสัปบุรุษ
ประกอบด้วยธรรม๔ ประการ ย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกขจัด ไม่ให้ถูกทำลาย ไม่ประกอบด้วยโทษ
วิญญูชนไม่ติเตียน และย่อมได้ประสบบุญเป็นอันมาก ธรรม ๔ ประการเป็นไฉนคือ กายกรรม
อันไม่มีโทษ ๑ วจีกรรมอันไม่มีโทษ ๑ มโนกรรมอันไม่มีโทษ ๑ทิฐิอันไม่มีโทษ ๑ บัณฑิต
ผู้ฉลาด เป็นสัปบุรุษ ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการย่อมบริหารตนไม่ให้ถูกขจัด ไม่ให้ถูกทำลาย
ไม่มีโทษ วิญญูชนไม่ติเตียนและย่อมประสบบุญเป็นอันมาก ดังนี้แล ฯ
จบอภิญญาวรรคที่ ๖
_________