พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/240/765 766 767
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ท่านจงลุกขึ้นเถิดภิกษุ ท่านจะต้องการอะไรด้วยความหลับ ท่านผู้เร่าร้อน
ด้วยกิเลส อันลูกศรคือตัณหาเสียบแทง ดิ้นรนอยู่ จะมัวหลับ
มีประโยชน์อะไร ท่านออกจากเรือนบวชด้วยความเป็นผู้ไม่มีเรือน
ด้วยศรัทธาใด ท่านจงเพิ่มพูนศรัทธานั้นเถิด อย่าไปสู่อำนาจของความ
หลับเลย ฯ
[๗๖๕] คนเขลาหมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์เหล่าใด กามารมณ์เหล่านั้น ไม่เที่ยง
ไม่ยั่งยืน ความหลับจะแผดเผาบรรพชิตผู้พ้นแล้ว ผู้ไม่เกี่ยวข้องใน
กามารมณ์ซึ่งยังสัตว์ให้ติดอยู่ได้อย่างไร เพราะกำจัดฉันทราคะเสียได้
และเพราะก้าวล่วงอวิชชาเสียได้ ญาณนั้นเป็นของบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ไฉน
ความหลับจะแผดเผาบรรพชิตได้ ความหลับจะแผดเผาบรรพชิต ผู้ไม่มีโศก
ไม่มีความแค้นใจ เพราะทำลายอวิชชาเสียด้วยวิชชา และเพราะอาสวะ
สิ้นไปหมดแล้วอย่างไรได้ ความหลับจะแผดเผาบรรพชิตผู้ปรารภความ
เพียร ผู้มีตนอันส่งไปแล้ว ผู้บากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ผู้จำนงพระนิพพาน
อยู่อย่างไรได้ ฯ
กัสสปโคตตสูตรที่ ๓
[๗๖๖] สมัยหนึ่ง ท่านพระกัสสปโคตร พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่งในแคว้นโกศล
สมัยนั้นแล ท่านอยู่ในที่พักกลางวัน กล่าวสอนนายพรานเนื้อคนหนึ่ง ฯ
[๗๖๗] ครั้งนั้น เทวดาผู้สิงอยู่ในป่านั้น มีความเอ็นดูใคร่ประโยชน์แก่ท่านพระ
กัสสปโคตร หวังจะให้ท่านสลดใจจึงเข้าไปหา แล้วได้กล่าวกะท่านด้วยคาถาว่า
ภิกษุผู้กล่าวสอนนายพรานเนื้อซึ่งเที่ยวไปตามซอกเขาผู้ทรามปัญญา ไม่รู้
เท่าถึงการณ์ ในกาลอันไม่ควร ย่อมปรากฏแก่เราประดุจคนเขลา
เขาเป็นคนพาล ถึงฟังธรรมอยู่ก็ไม่เข้าใจเนื้อความ แสงประทีปโพลงอยู่
ก็ไม่เห็น เมื่อท่านกล่าวธรรมอยู่ ย่อมไม่รู้เนื้อความ ข้าแต่ท่าน