พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/244/283
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ทำกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไป ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึง (คืออัญญินทรีย์) อันยอด
เยี่ยม ย่อมเกิดขึ้นในลำดับแต่ปฐมญาณนั้น แต่ธรรมชาติที่รู้ทั่วถึง คือ
อัญญินทรีย์นั้นไป วิมุตติญาณอันสูงสุด ย่อมเกิดขึ้นแก่พระขีณาสพ
ผู้พ้นวิเศษแล้ว ญาณในอริยมรรคอันเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะและ
สังโยชน์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้นว่า สังโยชน์ทั้งหลายสิ้นไปแล้ว คนพาล
ผู้เกียจคร้าน ไม่รู้แจ้ง ไม่พึงบรรลุนิพพานอันเป็นที่ปลดเปลื้องกิเลส
เครื่องร้อยรัดทั้งปวงนี้ได้เลย ฯ
จบสูตรที่ ๓
๔. สมณสูตร
[๒๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่รู้ชัดตาม
ความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่านั้น เราหายกย่องว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะหรือว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ไม่
และท่านเหล่านั้นหาได้ทำให้แจ้งซึ่งผล คือ ความเป็นสมณะและผลคือความเป็นพราหมณ์ด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ไม่ ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชัด
ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาก็สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่านั้นแล เรายกย่องว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะและยกย่องว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่
พราหมณ์ และท่านเหล่านั้นย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งผลคือความเป็นสมณะ และผลคือความเป็น
พราหมณ์ด้วยปัญญาอันยิ่งในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ฯ
สมณพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดซึ่งทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ธรรมชาติ
เป็นที่ดับทุกข์ ไม่มีส่วนเหลือโดยประการทั้งปวงและไม่รู้ชัดซึ่งมรรคอัน
ให้ถึงความสงบแห่งทุกข์ สมณะพราหมณ์เหล่านั้น เสื่อมแล้วจากเจโตวิมุติ
และจากปัญญาวิมุติเป็นผู้ไม่ควรเพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ สมณพราหมณ์
เหล่านั้นแล เป็นผู้เข้าถึงชาติและชรา ส่วนสมณพราหมณ์เหล่าใดรู้ชัด
ซึ่งทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ธรรมชาติเป็นที่ดับแห่งทุกข์ไม่มีส่วน