พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/246/481 482 483
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เน่าก็มี ในศพเน่าก็มี ในขนมกุมมาสเก่าก็มีในน้ำครำก็มี ในหลุมโสโครกก็มี หรือแม้จำพวก
อื่นๆ ไม่ว่าชนิดไรๆ ที่เกิด แก่ตายในของโสโครก ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแลผู้กิน
อาหารด้วยความติดใจรสเบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหายของสัตว์จำพวกเกิดแก่ตายในของโสโครก ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเรื่องกำเนิดสัตว์เดียรัจฉานแม้โดยอเนกปริยายแล เพียงเท่า
นี้ จะกล่าวให้ถึงกระทั่งกำเนิดสัตว์เดียรัจฉานเป็นทุกข์ ไม่ใช่ทำได้ง่าย ฯ
[๔๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษโยนทุ่นมีบ่วงตาเดียวไปในมหาสมุทร ทุ่น
นั้นถูกลมตะวันออกพัดไปทางทิศตะวันตก ถูกลมตะวันตกพัดไปทางทิศตะวันออก ถูกลมเหนือ
พัดไปทางทิศใต้ ถูกลมใต้พัดไปทางทิศเหนือมีเต่าตาบอดอยู่ในมหาสมุทรนั้น ล่วงไปร้อยปีจึง
จะผุดขึ้นครั้งหนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดตัวนั้น
จะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่นมีบ่วงตาเดียวโน้นได้บ้างไหมหนอ ฯ
ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าข้า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ถ้า
จะเป็นไปได้บ้างในบางครั้งบางคราว ก็โดยล่วงระยะกาลนานแน่นอน ฯ
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เต่าตาบอดตัวนั้นจะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่นมีบ่วงตาเดียวโน้นได้
ยังจะเร็วกว่า เรากล่าวความเป็นมนุษย์ที่คนพาลผู้ไปสู่วินิบาตคราวหนึ่งแล้วจะพึงได้ ยังยากกว่านี้
นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะในตัวคนพาลนี้ไม่มีความประพฤติธรรม ความประพฤติ
สงบ การทำกุศล การ ทำบุญ มีแต่การกินกันเอง การเบียดเบียนคนอ่อนแอ ฯ
[๔๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแล ถ้าจะมาสู่ความเป็นมนุษย์ในบางครั้งบาง
คราว ไม่ว่ากาลไหนๆ โดยล่วงระยะกาลนาน ก็ย่อมเกิดในสกุลต่ำ คือ สกุลคนจัณฑาล หรือ
หรือสกุลคนจักสาน หรือสกุลช่างรถ หรือสกุลคนเทขยะ เห็นปานนั้น ในบั้นปลาย อันเป็นสกุลคน
จน มีข้าวน้ำและโภชนาหารน้อย มีชีวิตเป็นไปลำบาก ซึ่งเป็นสกุลที่จะได้ของ กิน และเครื่องนุ่ง
ห่มโดยฝืดเคือง และเขาจะมีผิวพรรณทราม น่าเกลียดชัง ร่างม่อต้อ มีโรคมาก เป็นคนตาบอด
บ้าง เป็นคนง่อยบ้าง เป็นคนกะจอกบ้าง เป็นคนเปลี้ยบ้าง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้
ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่องตามประทีป เขาจะประพฤติกายทุจริต
วจีทุจริตมโนทุจริต ครั้นแล้วเมื่อตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ
[๔๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนนักเลงการพนัน เพราะเคราะห์ร้ายประการแรกเท่านั้น
จึงต้องเสียลูกบ้าง เสียเมียบ้าง เสียสมบัติทุกอย่างบ้างยิ่งขึ้นไปอีก ต้องถึงถูกจองจำ เคราะห์ร้าย