พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/246/285 286
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๖. ตัณหาสูตร
[๒๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ย่อมเกิดขึ้นในที่เกิดแห่งตัณหา
๔ อย่างนี้ ๔ อย่างเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ย่อมเกิดขึ้นเพราะ
เหตุแห่งจีวร ๑ เพราะเหตุแห่งบิณฑบาต ๑ เพราะเหตุแห่งเสนาสนะ ๑ หรือเพราะเหตุแห่ง
สมบัติและวิบัติ ๑ ด้วยประการฉะนี้ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหาเมื่อเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ย่อมเกิดขึ้น
ในที่เป็นที่เกิดแห่งตัณหา ๔ อย่างนี้แล ฯ
บุรุษผู้มีตัณหาเป็นเพื่อนสอง ท่องเที่ยวไปอยู่สิ้นกาลนานย่อมไม่ก้าว
ล่วงสงสารอันมีความเป็นอย่างนี้ และความเป็น อย่างอื่นไปได้ ภิกษุรู้
โทษนี้แล้วว่า ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นผู้มีตัณหาปราศจากไป
แล้ว ไม่ถือมั่น มีสติ พึงเว้นรอบ ฯ
จบสูตรที่ ๖
๗. พรหมสูตร
[๒๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตระกูลใด บุตรบูชามารดาและบิดาอยู่ในเรือนของตน
ตระกูลนั้นชื่อว่ามีพรหม มีบุรพเทวดา มีบุรพาจารย์ มีอาหุไนยบุคคล ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำ
ว่าพรหม เป็นชื่อของมารดาและบิดา คำว่าบุรพเทวดา เป็นชื่อของมารดาและบิดา คำว่า
บุรพาจารย์ เป็นชื่อของมารดาและบิดาคำว่าอาหุไนยบุคคล เป็นชื่อของมารดาและบิดา ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะมารดาและบิดาเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นผู้ถนอมเลี้ยง เป็นผู้แสดงโลกนี้
แก่บุตร ฯ
มารดาและบิดาเรากล่าวว่า เป็นพรหม เป็นบุรพาจารย์ เป็นอาหุไนย
บุคคลของบุตร เพราะเป็นผู้อนุเคราะห์บุตร เพราะเหตุนั้นแหละ
บัณฑิตพึงนอบน้อมและพึงสักการะมารดาและบิดาทั้งสองนั้น ด้วยข้าว