พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/249/806 807 808 809
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๘๐๖] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ดูกรสักกะ ธรรมเครื่องอยู่ร่วมกัน ย่อมเกิด
ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คนมีปัญญาไม่ควรที่จะไหวตามเหตุนั้นด้วยใจ
ถ้าคนมีใจผ่องใสแล้วสั่งสอนคนอื่นบุคคลนั้นย่อมไม่เป็นผู้พัวพันด้วย
เหตุนั้น นอกจากจะอนุเคราะห์เอ็นดู" ฯ
สูจิโลมสูตรที่ ๓
[๘๐๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับบนเตียงชนิดมีเท้าตรึงติดกับแม่แคร่ อัน
เป็นที่ครอบครองของสูจิโลมยักษ์ เขตบ้านคยา ฯ
สมัยนั้นแล ยักษ์ชื่อขระและยักษ์ชื่อสูจิโลมะเดินผ่านเข้าไปไม่ไกลพระผู้มีพระภาค ฯ
ครั้งนั้นแล ยักษ์ชื่อขระได้พูดกับสูจิโลมยักษ์ว่า
นั่นสมณะ ฯ
นั่นไม่ใช่สมณะ เป็นสมณะน้อย แต่จะเป็นสมณะหรือสมณะน้อยเราพอจะรู้ได้ ฯ
[๘๐๘] ครั้งนั้นแล สูจิโลมยักษ์ได้เข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ครั้นแล้ว
ได้เข้าไปเหนี่ยวพระกายของพระองค์ ฯ
พระผู้มีพระภาคทรงกระเถิบถอยพระกายไปเล็กน้อย ฯ
ครั้งนั้นแล สูจิโลมยักษ์ได้ถามพระผู้มีพระภาคว่า ท่านกลัวเราไหมสมณะ ฯ
อาวุโส เราไม่กลัวท่านเลย แต่สัมผัสของท่านเลวทราม ฯ
สมณะ เราจักถามปัญหากะท่าน ถ้าท่านไม่กล่าวแก้แก่เรา เราจักทำจิตของท่านให้
พลุ่งพล่าน หรือจักฉีกหัวใจของท่าน หรือจักจับที่เท้าแล้วเหวี่ยงไปฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำคงคา ฯ
อาวุโส เราไม่เห็นใครเลยในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อม
ทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่จะพึงทำจิตของเราให้พลุ่งพล่าน หรือฉีกหัวใจเรา
หรือจับเราที่เท้าแล้วเหวี่ยงไปฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำคงคาได้ อาวุโส เอาเถอะ ท่านจงถามตามที่ท่าน
จำนงเถิด ฯ
[๘๐๙] สูจิโลมยักษ์ จึงถามว่า