พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/251/293
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เพียร มีโอตตัปปะ ปรารภความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ตลอดกาลเป็นนิตย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ถ้าแม้อภิชฌาพยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะของภิกษุผู้ยืนอยู่ เป็นธรรมชาติปราศไปแล้ว
แล้ว...ถ้าแม้อภิชฌา พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ ของภิกษุผู้นั่งอยู่เป็นธรรมชาติปราศ
ไปแล้ว ... ถ้าแม้อภิชฌา พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะของภิกษุผู้นอนอยู่ ตื่นอยู่ เป็น
ธรรมชาติปราศไปแล้ว อันภิกษุผู้นอนอยู่ ตื่นอยู่ละวิจิกิจฉาได้แล้ว ปรารภความเพียร ไม่
ย่อหย่อน ตั้งสติไว้มั่น ไม่หลงลืมกายระงับแล้ว ไม่ระส่ำระสาย ตั้งจิตไว้มั่น มีอารมณ์อัน
เดียว ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุแม้ผู้นอนอยู่ ตื่นอยู่เป็นอยู่แล้วอย่างนี้ เรากล่าวว่า เป็นผู้มี
ความเพียรมีโอตตัปปะ ปรารภความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ตลอดกาลเป็นนิตย์ ฯ
ภิกษุเพียรอยู่ พึงเดิน ยืน นั่ง นอน คู้เข้าเหยียดออกซึ่งอวัยวะมี
มือและเท้าเป็นต้นนี้ อนึ่งภิกษุพิจารณาโดยชอบซึ่งความเกิดขึ้น และ
ความเสื่อมไปแห่งธรรมขันธ์ในเบื้องบนเบื้องขวาง เบื้องต่ำ จนตลอด
ภูมิเป็นที่ไปแห่งสัตว์ผู้สัญจรไปบนแผ่นดิน พระอริยเจ้าทั้งหลาย มี
พระพุทธเจ้าเป็นต้นได้กล่าวภิกษุผู้มีปรกติอยู่อย่างนั้น มีความเพียร
มีความประพฤติสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน มีญาณทัศนวิสุทธิสมควรแก่ธรรมเป็น
เครื่องสงบใจ ศึกษาอยู่ มีสติทุกเมื่ออย่างนั้นว่า เป็นผู้มีใจเด็ดเดี่ยว
ตลอดกาลเป็นนิตย์ ฯ
จบสูตรที่ ๑๒
๑๓. โลกสูตร
[๒๙๓] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้
เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระ
ตถาคตตรัสรู้โลกแล้ว พรากแล้วจากโลก ตรัสรู้เหตุเกิดโลกแล้ว ละเหตุเกิดโลกได้แล้ว
ตรัสรู้ความดับแห่งโลกแล้ว ทำให้แจ้งความดับโลกแล้ว ตรัสรู้ปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่ง
โลกแล้ว เจริญปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งโลกแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่โลกพร้อม
ทั้งเทวโลกมารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เห็นแล้ว
ฟังแล้ว ทราบแล้ว รู้แจ้งแล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจ เพราะสิ่งนั้น