พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/252/293
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พระตถาคตตรัสรู้แล้ว ฉะนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่าพระตถาคตดูกรภิกษุทั้งหลาย พระตถาคต
ย่อมตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในราตรีใดและย่อมปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
ในราตรีใด ย่อมตรัสบอกแสดงซึ่งพุทธพจน์อันใดในระหว่างนี้ พุทธพจน์นั้นทั้งหมด ย่อม
เป็นอย่างนั้นนั่นแลไม่เป็นอย่างอื่น ฉะนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่า พระตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พระตถาคตตรัสอย่างใด ทำอย่างนั้น ทำอย่างใด ตรัสอย่างนั้น เพราะเหตุดังนั้นบัณฑิตจึงกล่าว
ว่า พระตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตทรงครอบงำโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก
พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ อันใครๆ ครอบงำไม่ได้ ทรงเห็น
โดยถ่องแท้ ยังอำนาจให้เป็นไปเพราะเหตุนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่า พระตถาคต ฯ
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์
ดังนี้ว่า
พระพุทธเจ้าทรงรู้โลกทั้งหมด ในโลกทั้งปวงด้วยพระปัญญาอันยิ่ง ตาม
ความเป็นจริง ทรงพรากแล้วจากโลกทั้งหมด ไม่มีผู้เปรียบในโลกทั้ง
ปวง เป็นนักปราชญ์ ทรงครอบงำมารทั้งหมด สังขารทั้งหมด ทรง
ปลดเปลื้องกิเลสเครื่องร้อยรัดได้ทั้งหมด ความสงบอย่างยวดยิ่ง คือ
นิพพาน ซึ่งไม่มีภัยแต่ไหนๆ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทรงถูกต้องแล้ว
พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทรงมีอาสวะสิ้นแล้ว ไม่ทรงมีทุกข์ ทรงตัด
ความสงสัยได้แล้ว ทรงถึงความสิ้นไปแห่งกรรมทั้งหมด ทรงน้อมไป
แล้วในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปธิ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชื่อว่า
เป็นพระพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชื่อว่าเป็นสีหะผู้ยอด
เยี่ยม ทรงประกาศพรหมจักรแก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก เพราะเหตุดังนั้น
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายผู้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะย่อมมาประชุมกัน
น้อมนมัสการพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีพระคุณใหญ่ ผู้ปราศจากความ
ครั่นคร้าม บรรดาบุคคลผู้ฝึกหัดอยู่ พระพุทธเจ้าผู้ทรงฝึกแล้ว เป็น
ผู้ประเสริฐสุด บรรดาบุคคลผู้สงบอยู่พระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณ ผู้
สงบแล้ว เป็นผู้ประเสริฐสุดบรรดาบุคคลผู้พ้นอยู่ พระพุทธเจ้าทรง
พ้นแล้วเป็นผู้เลิศบรรดาบุคคลผู้ข้ามอยู่ พระพุทธเจ้าผู้ทรงข้ามพ้น
แล้ว เป็นผู้ประเสริฐ เพราะเหตุนั้นแล เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย