พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/253/823 824 825 826

สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เล่ม 15
หน้า 253

[๘๒๓] ครั้งนั้นแล นางยักษิณีผู้เป็นมารดาของปุนัพสุปลอบบุตรน้อยอย่างนี้ว่า นิ่งเสียเถิดลูกอุตรา นิ่งเสียเถิดลูกปุนัพสุ จนกว่าแม่จะฟังธรรมของ พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้เป็นพระศาสดาจบ พระผู้มีพระภาคตรัสนิพพาน อันเป็นเครื่องเปลื้องตนเสีย จากกิเลสเครื่องร้อยกรองทั้งปวง เวลาที่ ปรารถนาในธรรมนั้นจะล่วงเลยแม่ไปเสีย ลูกของตนเป็นที่รักในโลก ผัวของตนเป็นที่รักในโลก แต่ความปรารถนาในธรรมนั้น เป็นที่รักของ แม่ยิ่งกว่าลูกและผัวนั้น เพราะลูกหรือผัวที่รัก พึงปลดเปลื้องจากทุกข์ ไม่ได้ เหมือนการฟังธรรมย่อมปลดเปลื้องเหล่าสัตว์จากทุกข์ได้ ในเมื่อ โลกอันทุกข์วงล้อมแล้วประกอบด้วยชราและมรณะ แม่ปรารถนาจะ ฟังธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง เพื่อพ้นจากชราและ มรณะจงนิ่งเสียเถิดลูกปุนัพสุ ฯ
[๘๒๔] ปุนัพสุพูดว่า แม่จ๋า ฉันจักไม่พูด อุตราน้องสาวของฉันก็จักเป็นผู้นิ่งเชิญแม่ฟัง ธรรมอย่างเดียว การฟังพระสัทธรรมนำความสุขมาให้ แม่จ๋า เราไม่รู้ พระสัทธรรมจึงได้เที่ยวไปลำบากพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เป็นผู้ทำความ สว่างไสวแก่เทวดาและมนุษย์ผู้ลุ่มหลง มีพระสรีระครั้งสุดท้าย มีพระ จักษุ แสดงธรรมอยู่ ฯ
[๘๒๕] ยักษิณีพูดว่า น่าชื่นชมนัก ลูกผู้นอนบนอกของแม่เป็นคนฉลาด ลูกของแม่ย่อม รักใคร่พระธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ปุนัพสุเจ้าจงมี ความสุขเถิด วันนี้แม่เป็นผู้ย่างขึ้นไปในพระศาสนา แม่และเจ้าเห็น อริยสัจแล้ว แม้แม่อุตราก็จงฟังแม่ ฯ สุทัตตสูตรที่ ๘
[๘๒๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับในสีตวัน เขตกรุงราชคฤห์ ฯ