พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/254/827 828
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
สมัยนั้นแล อนาถบิณฑิกคฤหบดีไปถึงกรุงราชคฤห์ด้วยกรณียกิจบางอย่าง ฯ
อนาถบิณฑิกคฤหบดีได้สดับว่า เขาลือกันว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก จึงใน
ขณะนั้นเอง ปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ฯ
ครั้งนั้นแล ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีได้ดำริว่า วันนี้เป็นกาลไม่ควรเพื่อจะเข้าเฝ้าพระผู้
มีพระภาค พรุ่งนี้เถิด เราจึงจักเข้าเฝ้าท่านคฤหบดีนอนรำพึงถึงพระพุทธเจ้า สำคัญว่าสว่าง
แล้วลุกขึ้นในราตรีถึง ๓ ครั้ง ฯ
ลำดับนั้น ท่านคฤหบดีเดินไปทางประตูป่าช้า พวกอมนุษย์เปิดประตูให้ ฯ
[๘๒๗] ครั้นเมื่ออนาถบิณฑิกคฤหบดีออกจากเมืองไป แสงสว่างก็อันตรธานไป ความ
มืดปรากฏขึ้น ความกลัว ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกล้าบังเกิดขึ้น ท่านคฤหบดี
จึงใคร่ที่จะกลับเสียจากที่นั้น ฯ
ครั้งนั้น ยักษ์ชื่อสีวกะไม่ปรากฏร่างได้ส่งเสียงให้ได้ยินว่า
ช้างแสนหนึ่ง ม้าแสนหนึ่ง รถเทียมด้วยม้าอัศดรแสนหนึ่ง หญิงสาว
ที่สอดสวมแก้วมณีและกุณฑลแสนหนึ่ง ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ อัน
จำแนกแล้ว ๑๖ ครั้ง แห่งการยกย่างเท้าไปก้าวหนึ่ง ท่านจงก้าวหน้า
ไปเถิดคฤหบดี ท่านจงก้าวหน้าไปเถิดคฤหบดี การก้าวหน้าไปของท่าน
ประเสริฐ การถอยหลังไม่ประเสริฐเลย ฯ
ครั้งนั้นแล ความมืดได้หายไป แสงสว่างปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดี ความ
กลัว ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกล้าก็ระงับไป ฯ
[๘๒๘] แม้ครั้งที่ ๒ แสงสว่างหายไป ความมืดปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดี
ความกลัว ความหวาดเสียว และขนพองสยองเกล้าบังเกิดขึ้น ท่านคฤหบดีจึงใคร่ที่จะกลับ
เสียจากที่นั้นอีก ฯ
แม้ครั้งที่ ๒ ยักษ์ชื่อสิวกะไม่ปรากฏร่างได้ส่งเสียงให้ได้ยินว่า
ช้างแสนหนึ่ง ม้าแสนหนึ่ง ฯลฯ ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖อันจำแนก
แล้ว ๑๖ ครั้ง แห่งการยกย่างเท้าไปก้าวหนึ่งท่านจงก้าวหน้าไปเถิด
คฤหบดี ท่านจงก้าวหน้าไปเถิดคฤหบดีการก้าวหน้าไปของท่าน
ประเสริฐ การถอยหลังไม่ประเสริฐเลย ฯ