พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/257/173      
      สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
      
     
 
    
        
          
                     คนหมั่นในการทำงาน ไม่ประมาท จัดการงานเหมาะสม
         เลี้ยงชีพพอเหมาะ รักษาทรัพย์ที่หามาได้ มีศรัทธา ถึง
         พร้อมด้วยศีล รู้ถ้อยคำ ปราศจากความตระหนี่ ชำระทาง
         สัมปรายิกัตถประโยชน์เป็นนิตย์ ธรรม ๘ ประการดังกล่าวนี้
         ของผู้ครองเรือน ผู้มีศรัทธา  อันพระพุทธเจ้าผู้มีพระนาม
         อันแท้จริง ตรัสว่านำสุขมาให้ในโลกทั้งสอง  คือ ประโยชน์
         ในปัจจุบันนี้และความสุขในภายหน้า บุญ คือ จาคะนี้ ย่อม
         เจริญแก่คฤหัสถ์ ด้วยประการฉะนี้ ฯ
                          จบสูตรที่ ๕
                        ปฏิปทาสูตรที่ ๖
 [๑๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมปทา ๘ ประการนี้ ๘ ประการเป็นไฉน คือ อุฏฐาน
สัมปทา ๑ อารักขสัมปทา ๑ กัลยาณมิตตตา ๑ สมชีวิตา ๑สัทธาสัมปทา ๑  สีลสัมปทา ๑
จาคสัมปทา  ๑ ปัญญาสัมปทา ๑ ฯ
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุฏฐานสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้ เลี้ยงชีพด้วยความ
หมั่นประกอบการงาน คือ กสิกรรม พาณิชยกรรม โครักขกรรม รับราชการฝ่ายทหาร รับ
ราชการฝ่ายพลเรือน หรือศิลปอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้านในการงานนั้น ประกอบ
ด้วยปัญญาเครื่องสอดส่อง อันเป็นอุบายในการงานนั้น สามารถจัดทำได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
 นี้เรียกว่าอุฏฐานสัมปทา ฯ
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อารักขสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้ มีโภคะที่หามาได้ด้วย
ความหมั่นเพียร สั่งสมด้วยกำลังแขน มีเหงื่อไหลโทรมตัว ชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เขา
รักษาคุ้มครองโภคทรัพย์เหล่านั้นไว้ได้พร้อมมูล ด้วยทำไว้ในใจว่า ไฉนหนอ พระราชาไม่พึง