พระสุตตันตปิฎกไทย: 24/263/192 193
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
อุปาสิกาสูตรที่ ๒
[๑๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสิกาผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการเป็นผู้ไม่แกล้วกล้า
อยู่ครองเรือน ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายอุบาสิกาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้
ฆ่าสัตว์ ฯลฯ เป็นผู้มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลายอุบาสิกาผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ
นี้แล เป็นผู้ไม่แกล้วกล้าอยู่ครองเรือน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสิกาผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการเป็นผู้แกล้วกล้าอยู่ครองเรือน
ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสิกาบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการ
ฆ่าสัตว์ ฯลฯ เป็นผู้มีความเห็นชอบดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบาสิกาผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ
นี้แล เป็นผู้แกล้วกล้าอยู่ครองเรือน ฯ
จบสูตรที่ ๒
ธรรมปริยายสูตร
[๑๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมปริยายอันเป็นเหตุแห่งความกระเสือก
กระสนแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวภิกษุเหล่านั้นทูลรับ
พระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายธรรมปริยายอันเป็น
เหตุแห่งความกระเสือกกระสนเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็น
ของๆ ตน เป็นผู้รับผลของกรรม เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรม
เป็นที่พึ่งอาศัย กระทำกรรมใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ หยาบช้า มีมือชุ่มด้วยโลหิต
ตั้งอยู่ในการฆ่าและการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวง บุคคลนั้นย่อมกระเสือก
กระสนด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กายกรรมของเขาคด วจีกรรมของเขาก็คด มโนกรรม
ของเขาคด คติของเขาก็คดอุบัติของเขาก็คด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใด