พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/270/883 884 885 886
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๘๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ผู้ตัดสินทั้งของพวกเทวดาและพวกอสูรได้
กล่าวคำนี้ว่า ท้าวเวปจิตติจอมอสูรได้ตรัสคาถาทั้งหลายแล้วแล แต่คาถาเหล่านั้นมีความเกี่ยวเกาะ
ด้วยอาชญา มีความเกี่ยวเกาะด้วยศาตรา เพราะเหตุเช่นนี้ จึงมีความหมายมั่น ความแก่งแย่ง
ความทะเลาะวิวาท ท้าวสักกะจอมเทวดาได้ตรัสคาถาทั้งหลายแล้วแล ก็คาถาเหล่านั้นไม่เกี่ยวเกาะ
ด้วยอาชญา ไม่เกี่ยวเกาะด้วยศาตรา เพราะเหตุเช่นนี้ จึงมีความไม่หมายมั่น ความไม่แก่งแย่ง
ความไม่ทะเลาะวิวาท ท้าวสักกะจอมเทวดาชนะเพราะได้ตรัสคำสุภาษิต ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชัยชนะด้วยการกล่าวคำสุภาษิตได้เป็นของท้าวสักกะจอมเทวดาด้วย
ประการฉะนี้แล ฯ
กุลาวกสูตรที่ ๖
[๘๘๔] สาวัตถีนิทาน ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว สงครามระหว่างพวกเทวดาและอสูรได้ประชิดกัน
แล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ในสงครามคราวนั้น พวกอสูรเป็นฝ่ายมีชัย พวกเทวดาเป็นฝ่าย
ปราชัย ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเทวดาผู้พ่ายแพ้ต่างพากันหนีไปทางทิศอุดร พวกอสูรได้ชวนกัน
ไล่พวกเทวดาเหล่านั้นไปแล้วทีแล้ว ฯ
[๘๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทวดาได้ตรัส กะมาตลีสังคาหก
เทพบุตรด้วยคาถาว่า
ดูกรมาตลี เธอจงหลีกเลี่ยงรังนกในป่าไม้งิ้ว โดยบ่ายหน้างอนรถกลับ
ถึงเราจะต้องเสียสละชีวิตในพวกอสูรก็ตามทีนกเหล่านี้อย่าได้ปราศจาก
รังเสียเลย ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มาตลีสังคาหกเทพบุตรรับพระดำรัสของท้าวสักกะจอมเทวดาว่า ขอ
ความเจริญจงมีแด่พระองค์ ดั่งนี้แล้ว ให้รถซึ่งเทียมด้วยม้าอาชาไนยพันตัวหันหลังกลับ ฯ
[๘๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พวกอสูรคิดว่า บัดนี้รถ ซึ่งเทียมด้วยม้า
อาชาไนยพันตัวของท้าวสักกะจอมเทวดาหันกลับมาแล้ว พวกเทวดาจักทำสงครามกับพวกอสูร
แม้เป็นครั้งที่สองแล พวกอสูรต่างตกใจกลับเข้าไปสู่อสูรบุรี ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชัยชนะโดย
ธรรมแท้ๆ ได้เป็นของท้าวสักกะจอมเทวดาแล้ว ด้วยประการฉะนี้แล ฯ