พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/271/545 546 547

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
เล่ม 14
หน้า 271
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์สนทนากะภิกษุทั้งหลาย ชักชวนให้อาจหาญ ร่าเริง ด้วยกถาประกอบด้วยธรรม ได้กล่าวอุเทศและวิภังค์ของบุคคลผู้มีราตรีหนึ่งเจริญอย่างนี้แล ฯ
[๕๔๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ดีแล้วๆ เธอสนทนากะภิกษุทั้งหลาย ชักชวนให้อาจหาญ ร่าเริงด้วยกถาประกอบด้วยธรรม ได้กล่าว อุเทศและวิภังค์ของบุคคลผู้มีราตรี หนึ่งเจริญว่า บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ฯลฯ พระมุนีผู้สงบ ย่อมเรียกบุคคล ... นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ดังนี้ถูกแล้ว ฯ
[๕๔๖] ดูกรอานนท์ ก็บุคคลย่อมคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วอย่างไร ฯลฯ ดูกรอานนท์ อย่าง นี้แล ชื่อว่าคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ฯ ดูกรอานนท์ ก็บุคคลจะไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วอย่างไร ฯลฯ ดูกรอานนท์ อย่างนี้แล ชื่อว่าไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ฯ ดูกรอานนท์ ก็บุคคลย่อมมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึงอย่างไร ฯลฯ ดูกร อานนท์ อย่างนี้แล ชื่อว่ามุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง ฯ ดูกรอานนท์ ก็บุคคลจะไม่มุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึงอย่างไร ฯลฯ ดูกร อานนท์ อย่างนี้แล ชื่อว่าไม่มุ่งหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ฯ ดูกรอานนท์ ก็บุคคลย่อมง่อนแง่นในธรรมปัจจุบันอย่างไร ฯลฯ ดูกรอานนท์ อย่างนี้ แล ชื่อว่าง่อนแง่นในธรรมปัจจุบัน ฯ ดูกรอานนท์ ก็บุคคลย่อมไม่ง่อนแง่นในธรรมปัจจุบันอย่างไร ฯลฯ ดูกรอานนท์ อย่างนี้ แล ชื่อว่าไม่ง่อนแง่นในธรรมปัจจุบัน ฯ
[๕๔๗] บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ฯลฯ พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคล ... นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่ง เจริญ ฯ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระอานนท์จึงชื่นชมยินดี พระภาษิตของ พระผู้มีพระภาคแล ฯ จบ อานันทภัทเทกรัตตสูตร ที่ ๒ __________