พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/273/898 899 900 901 902
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
[๘๙๘] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า
กลิ่นของพวกฤาษีผู้ประพฤตพรตมานาน ย่อมจะฟุ้งจากกายไปตามลม
ท่านเจ้าข้า พวกข้าพเจ้าต่างก็มุ่งหวังกลิ่นนี้เหมือนกับบุคคลมุ่งหวังระเบียบ
ดอกไม้อันวิจิตร งดงาม บนศีรษะ ฉะนั้น ก็พวกเทวดาหามีความ
สำคัญในกลิ่นของผู้มีศีลนี้ว่าเป็นกลิ่นปฏิกูลไม่ ฯ
สมุททกสูตรที่ ๑๐
[๘๙๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล ฯลฯ
[๙๐๐] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว
ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมมากรูปด้วยกัน อาศัยอยู่ในกุฎีที่มุงบังด้วยใบไม้แทบฝั่งสมุทร ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย สมัยนั้นแล สงครามระหว่างพวกเทวดากับอสูรได้ประชิดกันแล้ว ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พวกฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นพากันคิดเห็นว่า พวกเทวดาตั้งอยู่
ในธรรม พวกอสูรไม่ตั้งอยู่ในธรรม ภัยนั้นพึงเกิดแก่พวกเราเพราะอสูรโดยแท้ อย่ากระนั้นเลย
พวกเราควรเข้าไปหาท้าวสมพรจอมอสูรแล้วขออภัยทานเถิด ฯ
[๙๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นได้อันตรธาน
ไปในบรรณกุฎีแทบฝั่งสมุทร ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าท้าวสมพรจอมอสูรเหมือนบุรุษมีกำลังเหยียด
แขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลายลำดับนั้น พวกฤาษีผู้มีศีลมีกัลยาณธรรม
เหล่านั้น ได้กล่าวกะท้าวสมพรจอมอสูรด้วยคาถาว่า ฯ
พวกฤาษีมาขออภัยกะท่านท้าวสมพร การให้ภัยหรือให้อภัยท่านกระทำ
ได้โดยแท้ ฯ
[๙๐๒] ท้าวสมพรจอมอสูรได้กล่าวตอบว่า
การอภัยไม่มีแก่พวกฤาษี ผู้ชั่วช้าคบหาท้าวสักกะ เราให้เฉพาะแต่ภัย
เท่านั้นแก่พวกท่านผู้ขออภัย ฯ