พระสุตตันตปิฎกไทย: 23/275/193
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว พ้นจากเครื่องผูกคือมาร เราเป็นผู้
ประเสริฐ เป็นผู้ฝึกตนชั้นเยี่ยม เป็นอเสขบุคคลปรินิพพาน
แล้ว ฯ
จบสูตรที่ ๕
ยสสูตร
[๑๙๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกสัมพีชนบท พร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จถึงพราหมณคามแห่งชนชาวโกศล ชื่ออิจฉานังคละ ได้ยินว่า สมัยนั้น
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ไพรสณฑ์ชื่ออิจฉานังคละใกล้พราหมณคามชื่ออิจฉานังคละ ฯ
พราหมณ์และคฤหบดีชาวบ้านอิจฉานังคละ ได้สดับข่าวว่า พระสมณโคดมศากยบุตร
ทรงผนวชจากศากยะตระกูล เสด็จถึงบ้านอิจฉานังคละ ประทับอยู่ที่ไพรสณฑ์ชื่ออิจฉานังคละ
ใกล้พราหมณคามชื่ออิจฉานังคละ ก็กิตติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้นขจรไปดังนี้ว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ฯลฯ ก็การ
ได้เห็นพระอรหันต์เห็นปานฉะนี้ เป็นการดีแล ครั้งนั้น พวกพราหมณ์และคฤหบดีชาวบ้าน
อิจฉานังคละ เมื่อล่วงราตรีนั้นไป พากันถือของเคี้ยวของกินเป็นจำนวนมาก เข้าไปทางไพรสณฑ์
ชื่ออิจฉานังคละ ครั้นแล้วได้ยืนชุมนุมกันส่งเสียงอื้ออึงอยู่ที่ซุ้มประตูด้านนอก ฯ
สมัยนั้น ท่านพระนาคิตะเป็นอุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถาม
ท่านพระนาคิตะว่า ดูกรนาคิตะ ก็พวกใครที่ส่งเสียงอื้ออึงอยู่นั้นคล้ายพวกชาวประมงแย่ง
ปลากัน ท่านพระนาคิตะกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พราหมณ์และคฤหบดีชาวบ้าน
อิจฉานังคละเหล่านี้ พากันถือของเคี้ยวของกินเป็นจำนวนมาก มายืนชุมนุมกันอยู่ที่ซุ้มประตู
ด้านนอก เพื่อถวายพระผู้มีพระภาคและพระภิกษุสงฆ์ ฯ
พ. ดูกรนาคิตะ เธออย่าติดยศ และยศก็อย่าติดเรา ดูกรนาคิตะ ผู้ใดแลไม่พึงได้ตาม
ความปรารถนา ไม่พึงได้โดยไม่ยาก ไม่พึงได้โดยไม่ลำบากซึ่งสุขอันเกิดแต่เนกขัมมะ สุข
อันเกิดแต่วิเวก สุขอันเกิดแต่ความสงบ สุขอันเกิดแต่การตรัสรู้ ที่เราพึงได้ตามความปรารถนา
ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ผู้นั้นชื่อว่าพึงยินดีสุขอันไม่สะอาด สุขในการหลับนอน และสุขที่
อาศัยลาภสักการะและการสรรเสริญ ฯ