พระสุตตันตปิฎกไทย: 17/278/534
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป ย่อม
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกครุฑที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วย
กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกครุฑที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มี
ความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น
สหายของพวกครุฑที่เป็นอัณฑชะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกครุฑที่เป็น
อัณฑชะ. ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไปย่อม
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกครุฑที่เป็นอัณฑชะ.
จบ สูตรที่ ๓.
๔-๖. ทวยการีสูตรที่ ๒-๔
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกครุฑ
[๕๓๔] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อ
ตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกครุฑที่เป็นชลาพุชะ ... ของพวกครุฑที่เป็นสังเสทชะ ...
ของพวกครุฑที่เป็นอุปปาติกะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง
ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกครุฑที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะ
งาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกครุฑที่เป็นอุปปาติกะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวก
ครุฑที่เป็นอุปปาติกะ. ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อ
ตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกครุฑที่เป็นอุปปาติกะ.
จบ สูตรที่ ๔-๖.